30 ตุลาคม 2555

บรรณาธิการอิสระ งานในฝัน

และแล้วปลายเดือนตุลาฯ ก็ใกล้ลาลับ 
เฉกชีวิตที่ตกอับใกล้ดับหาย
ลมหายใจที่เหลืออยู่...สู้แค่ตาย
เผื่อสุดท้ายพบความฝัน วันของเรา

Open Life in Bangkok ขณะรอสายลมหนาวมาเยือนอย่างใจจดใจจ่อ...
พอๆ กับที่รองานฟรีแลนซ์จากที่ต่างๆ อย่างกระวนกระวาย ร้อนรุ่ม และพยายามทำใจให้สงบ
ถ้าได้ตามอ่านบล็อกนี้ก็จะทราบว่า...ผมขมีขมันและกระหายอยากทำงานอิสระยิ่งอื่นใด
ในบางโพสต์ก็รวบรวมความกล้าเขียนเมลไปขอสมัครงานฟรีแลนซ์แบบดื้อๆ
แม้นจะมีการตอบกลับมาบ้าง ก็แค่ตอบตามมารยาท หรือบางที่ก็เรียกไปคุย ทว่าก็แค่คุย
แต่ส่วนใหญ่สำนักพิมพ์ต่างๆ จะไม่ตอบรับ เงียบ คงเพราะไม่สนใจ หรือไม่อยากจ้างฟรีแลนซ์

กระนั้น ผมยังเชื่อมั่นว่าต้องมีบางสำนักพิมพ์สิที่เห็นความสามารถและศักยภาพของเรา
ขอเพียงท่านให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง พิจารณาที่ความแน่วแน่และประสบการณ์ที่ผมมี
ผมอาจขายฝัน ขายความสามารถ ขายความรักในการทำหนังสือ แต่อย่ามาดูถูกผม หรือตีตราผม
ขอนำย้อนกลับไปอ่าน Freelance เปลวเทียนกลางพายุ โพสต์ก่อนหน้าสักเล็กน้อย...

ราวต้นเดือนตุลาคม...
หลังจากที่ผมไปกรอกใบสมัครและร่วมทำแบบทดสอบกับคนอื่นอีกสิบกว่าคน
ที่สุดเมื่อ วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ ก็มีเมลแจ้งมา ดังนี้...
(ที่ผมลงรูปเพื่อยืนยันความจริง แต่ก็ลบข้อมูลบางอย่างบ้างนะครับ เพื่อความส่วนตัว)

ขอบพระคุณทางสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ที่ให้โอกาส
ผมเปิดเมลนี้อ่านด้วยความดีใจล้นพ้น เพราะไม่ได้อาศัยเส้นสายอันใด
ผมภูมิใจยิ่งที่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองฝ่าฟันเพื่อหางานที่อยากทำ
ทั้งทางสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ก็พิจารณาคนที่ผลการทดสอบอย่างเป็นธรรม

แต่ผมหาได้หยุดเพียงเท่านี้ อาชีพ Freelance นั้นไม่ใช่อาชีพที่จะมีรายได้แน่นอนเหมือนงานประจำ
ทั้งเมื่อทำงานเสร็จ แต่ละที่ก็มีนโยบายการจ่ายเงินแตกต่างกัน อาจไม่มีกำหนดวันเป๊ะๆ
ผมก็ยังมุ่งมั่นหางาน พิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์ กับ บรรณาธิการอิสระ ต่อไป Go...
ค้นหางานในเน็ตไปเรื่อยๆ ด้วยความหวัง พร้อมกับอัพเดทบล็อกและลงขายหนังสือมือสอง

***

และแล้ว วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ผมก็ได้พบเว็บสมัครงานหนึ่งเข้า...
บรรณาธิการอิสระลั้นลา (Part time)  **ปัจจุบันปิดรับสมัครแล้ว**

เชื่อไหมว่า...ผมอ่านเพียงคร่าวๆ หัวใจก็เต้นระรัวดังกลองรบ ตื่นเต้นและยิ้มแก้มปริ
- ตำแหน่งนี้ เป็น Part time ไม่ประจำ รับงานไปทำที่บ้าน ลั้นลา ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องตอกบัตร
- เป็นคนที่ทำทุกอย่าง อะไรก็ได้ ที่เป้าหมายสูงสุดคือทำให้ต้นฉบับของนักเขียนดูดีมากขึ้น เจ๋งมากขึ้น


โอ้! นี่แหละ...งานในฝัน อาชีพที่เฝ้าหามานาน
ผมอ่าน "คุณสมบัติผู้สมัคร" ทันใด เพื่อประเมินตนเองในเบื้องต้น
1. ใครก็ได้ จบสาขาอะไร เราไม่สนใจ ขอปริญญาตรีขึ้นไป
2. ชอบหนังสือและมีจิตใจอยากให้คนอื่นเติบโตทางปัญญา
3. ใช้ภาษาไทยได้ดีคนหนึ่ง
4. มีประสบการณ์เป็นบรรณาธิการมาแล้วก็ดี แต่เบื่อเซ็ง อยากหางานใหม่ๆ ทำ ก็ขอเชิญมาร่วมงานได้
5. ถ้าไม่เคยมีประสบการณ์ก็ไม่เป็นไร แต่จงแน่ใจว่าตัวเองมีแววเก่ง มีของจริงๆ ก่อนคลิกสมัครมา
6. เป็นคนที่รู้จุดแข็งของตนเอง มีตัวตนน้อย ควรคิดว่าตัวเองโง่อยู่เสมอ และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
7. ใช้ word คล่อง ถ้าไม่คล่องให้ไปเรียนเพิ่มก่อนสมัคร
8. ถ้าคุณสมบัติครบหรือเกือบครบตามข้างบนนี้ก็ร่อนใบสมัครมาได้ทันที รีบๆ นะก่อนเต็ม
แต่ถ้าไม่มีคุณสมบัติตามข้างบนเลย รบกวนอย่าส่งมาให้เสียเวลานะจ้ะ

หมายเหตุ : รับสมัครถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2555 นี้เท่านั้น

ผมส่งใบสมัครทางเมลในวันนั้นทันที...จะชักช้าอยู่ไย นี่อาชีพในฝันเชียวนะ
รุ่งขึ้น...มีแมสเสจแจ้งมาทางมือถือ และเมล์ตอบกลับมา หัวข้อ
"ทดสอบงาน ตำแหน่ง บรรณาธิการอิสระลั้นลา‏" เนื้อหาดังนี้
จากไฟล์ที่แนบมาพร้อมอีเมล์นี้ นำไปลองสวมบทบาทเป็นบรรณาธิการเล่มดู
ขอให้จัดมาเต็มๆ แสดงแววออกมาให้เต็มที่ เมื่อทำเสร็จแล้ว กรุณาส่งกลับไปที่........@gmail.com
พร้อมบอกชื่อนามสกุล+เบอร์โทร+email ตอนแนบไฟล์มาให้ด้วย


ด้วยพลังไฟแห่งความฝัน ความหวัง และใจรักงานหนังสือ
ผมใช้เวลาสองวันหนึ่งคืนโดยประมาณในการทำทดสอบงานชิ้นนี้
ทำไปด้วยความสุขใจอย่างยากอรรถาธิบาย พยายามทำให้เต็มที่และดีที่สุด
มีความสุขและอารมณ์ร่วมไปกับงาน ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร ผมไม่สนอะไรทั้งสิ้น
เพราะผมเชื่อว่า...สำนักพิมพ์นี้พิจารณาคนที่ความสามารถและฝีมือแน่แท้
เมื่อผมทำเสร็จ ก็ส่งงานทดสอบกลับไป แล้วก็รอ...รอ...

วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕  มีเมลตอบกลับมา...

ขอบพระคุณทางบริษัท ไอดีซี พรีเมียร์ จำกัด ที่่ให้โอกาส
ผมสารภาพตรงๆ เลยว่าอ่านเมลฉบับนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...น้ำตาเอ่อคลอ
นี่เราติดหนึ่งในสองที่เขาต้องการหรือ... ฉันทำได้ I can do it!
อยากตะโกนร้องแหกปาก อยากวิ่งกระโดดโลดเต้น อยากมีคนสำคัญให้บอก...ให้กอด...

สุดท้าย...อยากให้ผู้อ่านที่แวะผ่านมาบล็อกนี้ จงมีพลังความฝันและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ
อย่าให้ใครมาปรามาสและทำลายความฝันของเราเป็นอันขาด ขอพลังจงสถิตกับทุกท่าน

และขอขอบพระคุณยิ่งสำหรับสำนักพิมพ์ทั้งสองแห่งที่จะให้โอกาสผมได้ร่วมงานด้วย
ผมรองานอย่างใจจดใจจ่อและคันไม้คันมือยิ่งนัก...

***

หมายเหตุ : บริษัท สำนักพิมพ์ หรือท่านใดสนใจให้ผมรับใช้เกี่ยวกับงานหนังสือหนังหา
ไม่ว่าจะเป็น บรรณาธิการอิสระ หรือ พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ ก็ติดต่อมาได้ที่...
chatcha26@hotmail.com หรือโทร. 08-4211-0526

23 ตุลาคม 2555

Keyword แนะนำหนังสือมือสอง

ช่วงนี้หน่วงๆ ล้าๆ เหมือนไม่ค่อยมีพลังจะเขียนสักเท่าไหร่
ทั้งไม่รู้ว่าจะเล่าไปเรื่อยเปื่อยด้วยเรื่องอะไรดี มันตื้อๆ เหมือนอับจนถ้อยคำ
อาจเพราะเน้นหางานฟรีแลนซ์มากกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด
ชีวิตจะอยู่รอดได้ก็ต้องมีงานฉันนั้น งานคือเงิน...และรายจ่ายสิ้นเดือนนี้ก็ต้องใช้ "เงิน"


จากหัวข้อโพสต์ก่อนหน้า แนะนำหนังสือมือสอง ติด google เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาฯ ที่ผ่านมา
ที่ผมเขียนแบบเม่าๆ ลงในบล็อกนี้ ผ่านไปสี่วันสามคืนกับอีกไม่กี่ชั่วโมงและสี่สิบห้านาที
หัวค่ำวันนี้ ๒๓ ตุลาคม ด้วยความร้อนวิชาเวท SEO แห่งพรรคกระยาจก ณ ประเทศไทย
ผมจึงลองทดสอบคีย์เวิร์ดคำว่า "แนะนำหนังสือมือสอง" อีกที ตามประสาศิษย์นอกรีตไร้กระบวนท่า
ขอเอามือปิดตาแวบหนึ่ง...ยุบหนอ พองหนอ...ทำใจหนอ...

Keyword แนะนำหนังสือมือสอง
Keyword "แนะนำหนังสือมือสอง"
สามารถไต่ขุนเขามรณะขึ้นมาอยู่หน้าแรกของกูเกิลในการใช้คีย์ที่ว่าค้นหาได้
แถมพ่วงกันมาอยู่ที่ ๙ กับ ๑๐ แบบหืดหอบ (เดี๋ยวคงมีแอบตกหายไปจากหน้าแรกในไม่ช้า)
โดยอันดับที่ 9 แน่แท้ว่าคือบล็อกแนะนำหนังสือมือสองโดยตรงๆ โต้งๆ
ทว่าอันดับที่ 10 นี่สิ ทำผมแปลกใจเล็กๆ เพราะมันคือบล็อกนี้ และเพิ่งโพสต์ไปแค่สามสี่วันเอง
ไม่รู้ว่าธาตุไฟเข้าแทรกลมปราณกูเกิลหรือไร-- แต่จริงๆ แล้วคือมันเป็นคีย์ที่ไม่แข็งเท่านั้นเอง

จริงๆ ก็ตั้งใจว่าจะอธิบายเรื่อง SEO กับ Keyword แบบบ้านๆ ประสาผู้ไม่มีทุนบ้าง
แต่หัวจิตหัวใจยังไม่นิ่ง ความรู้สึกก็ดันขุ่นมัวอีก ทั้งยังมีหนังสือมือสองที่ต้องลงแนะนำด้วย
ไหนจะมีบริษัทหนึ่งส่งไฟล์งานทดสอบในตำแหน่ง "บรรณาธิการ" ให้ทำอีก...
จึงต้องจัดเรียงลำดับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ กระนั้นก็ขอแวบๆ มาอัพบล็อก Open Life สักชั่วยาม
จากนั้นจำต้องขอจรลีไปสะสางภารกิจที่คั่งค้าง (ทว่าไม่ได้เงิน) เพื่ออนาคตก่อน
เต็ง เตง เต่ง เตง เต็ง เต่ง เตง เตง เต่งงงงงงงง.......

***

ครั้งหนึ่งเมื่อมีคนถามองค์ดาไลลามะว่า
"อะไรเป็นเรื่องที่ท่านรู้สึกแปลกใจมากที่สุดเกี่ยวกับมนุษยชาติ"
ท่านตอบว่า
“มนุษย์เรานึ้ ยอมสูญเสียสุขภาพเพื่อทำให้ได้เงินมา
แล้วต้องยอมสูญเสียเงินตรา เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพ
แล้วก็เฝ้าเป็นกังวลกับอนาคต จนไม่มีความรื่นรมย์กับปัจจุบัน
ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ เขาไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอยู่กับอนาคต
เขาดำเนินชีวิตเสมือนหนึ่งว่าเขาจะไม่มีวันตาย
 และแล้วเขาก็ตายอย่างไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง"





20 ตุลาคม 2555

แนะนำหนังสือมือสอง ติด google

สวัสดียามบ่ายแก่ๆ ในวันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เป็นวันที่ว่างเปล่าและเรื่อยเปื่อยอีกวันหนึ่งของชีวิต Open Life
เปิดโน้ตบุ๊กแล้วออนไลน์แบบเนือยๆ ด้วยอารมณ์เซ็งๆ อย่างยากพรรณนา
หายใจเข้าก็ระทดระท้อ หายใจออกก็ระทมร้าวราน...

ไหนๆ อนาคตข้างหน้ายังมองไม่เห็นเทพีแห่งโชคประทานพรให้สมหมาย
หรือมีบริษัทและสำนักพิมพ์ที่ใจดีเกื้อกูลส่งงาน "ฟรีแลนซ์" มาให้ทำบ้าง
ก็เลยลองสำรวจคีย์เวิร์ดหนึ่งใน google ซะเลย นัยว่าเช็กเรทติ้ง
ทั้งอยากรู้ว่าตัวเองพอจะมีความสามารถทำ key ให้ติดอันดับกูเกิลได้ไหม...

ขอย้อนทบทวนไปโพสต์ก่อนๆ คือ SEO กับ Keyword กันเล็กน้อยพอเป็นกระสัย
ก็อย่างโพสต์ที่ผ่านๆ มาหลายหัวข้อ ซึ่งผมพยายามหางาน Freelance หรือบ่นพึมพำไปเรื่อยเปื่อย
หากที่ใดจ้างให้ผม พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ หรือ บรรณาธิการอิสระ หรือ เขียนบทความลงเว็บ
ผมก็จะช่วยเรื่องการดูแลเว็บไซต์, ดันคีย์เวิร์ด, Submit, หา BackLink หรือช่วยทำ SEO ให้
เพื่อให้เว็บไซต์ท่านมีคนรู้จักมากขึ้น และอาจติดอันดับในการค้นหา Search Engine จากกูเกิลได้บ้าง
ทำนองโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เพราะผมชอบการเรียนรู้และความท้าทายใหม่ๆ เสมอ

กลับมาว่ากันที่หัวข้อโพสต์ แนะนำหนังสือมือสอง ติด google ดีกว่า อารัมภบทพอละ
โดยเจตนาของโพสต์นี้ก็เพื่ออยากบันทึกไว้ว่า...ช่วงเวลาหนึ่งเราก็ทำได้...I can do
เรื่องของเรื่องคือ ผมอยากทดสอบคีย์เวิร์ดหนึ่ง คือ "แนะนำหนังสือมือสอง" ด้วยความกระหายใคร่รู้
ผมจึงใช้บริการ Blogger (ของฟรีอีกแล้ว) เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองพอจะมีความสามารถเพียงใด
ซึ่งบล็อกที่ว่าก็คือ See-Books หรือ Second hand Book in Condo นั่นเอง
คำว่า "แนะนำหนังสือมือสอง" ถ้าเสิร์ชเอนจินใน Google จะติดอันดับในหน้าแรก หรือที่เท่าไหร่?

เรามาดูกัน....

ชมคลิปแนะนำหนังสือมือสองได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=Kb49oVQpieg

บล็อกที่ทำไม่ขึ้นหน้าแรก...แงๆ ง๊องแง๊งเล็กๆ
อย่างน้อยๆ YouTube ก็เมตตานำพาให้คลิป see-book กระโจนโหนมาหน้าหนึ่งในอันดับที่ 3 ได้
เพื่อไม่ให้เสียเวลาพลันคลิกดูหน้าต่อไปทันใด

http://see-books.blogspot.com

ก็อย่างที่ปรากฏ ผมทำดีที่สุดแล้ว...
บล็อก see-books แนะนำหนังสือมือสอง นี้ ผมเริ่มสร้างเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2555
เวลาประมาณเดือนกว่าๆ ติดอันดับที่ 13 ของกูเกิล ผมก็พอใจแล้วครับ
อารมณ์ประมาณว่าครั้งหนึ่งในชีวิตโว้ย...ที่ข้าก็เอกอุและพอตัววะ (ขออภัยยิ่ง)
อย่างน้อยๆ ก็ได้ความรู้ ได้ทดสอบ ได้ทำ และได้แสดงศักยภาพแบบพื้นๆ เรื่อง SEO บ้าง

***

ทีนี้...เพื่อความชื่นใจ ชุ่มใจ อุ่นใจ อิ่มใจ ปลื้มใจ เปรมใจ และสบายใจ
ผมจึงใช้คีย์ "แนะนำหนังสือมือสอง" ค้นหาใน Google ค้นบล็อก ให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย
ไม่ขึ้นด้วยเว็บก็ต้องเล่นด้วยบล็อก... ไม่ได้ด้วยเสน่ห์ก็ต้องด้วยความสนุก ตู๊ดๆ ตู้ม...
เห็นแล้ว "หนังสือในคอนโด" บล็อกของผมเองครับ ^^

see-book แนะนำหนังสือมือสอง

Sometimes one pays most for the things one gets for nothing.
บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ไร้ค่า 









17 ตุลาคม 2555

Freelance เปลวเทียนกลางพายุ

สวัสดี...ชาวโลก สวัสดี...ประเทศไทย และสวัสดี...มิ่งมิตรที่อ่านบล็อกนี้
เคยไหม? กับบางวันที่แสนเลวร้าย แล้วหลังจากนั้นก็ยิ้มสดชื่น
เคยไหม? กับอารมณ์แสนหม่นหมอง แล้วจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสดใส
เคยไหม? กับเรื่องราวที่ทำให้ใจเศร้าระทม ก่อนจะพานพบเสียงหัวเราะร่า
เคยไหม? วันนี้ความรักบินจากไป กระทั่งวันต่อมาเจอคนที่ใช่...


วันนี้... ช่วงก่อนเที่ยง ผมได้รับอีเมลฉบับหนึ่งจากบริษัทหนึ่ง ใจความดังนี้

เรื่อง ผลการสัมภาษณ์และคัดเลือก
เรียน คุณ..........

ตามที่ท่านได้มาเขียนใบสมัครและสัมภาษณ์ที่บริษัทฯ นั้น 

หลังจากที่ทางบริษัทฯ ได้พิจารณาแล้ว จึงใคร่ขอแสดงความเสียใจ
ที่จะเรียนให้ท่านทราบว่าประสบการณ์และคุณสมบัติของท่านไม่ตรงกับความต้องการกับตำแหน่งงาน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอขอบคุณที่ท่านได้ให้ความสนใจในงานของบริษัทฯ
และจะพิจารณาใบสมัครของท่านในกรณีที่มีตำแหน่งงานว่าง และเหมาะสมในโอกาสต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ
แผนกบุคคลและธุรการ
บริษัท ...... จำกัด


ครับผม...ผมรับทราบว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติพอ และไม่ต้องมาเสียใจกับผมหรอกครับ
ผมไม่ต้องการถ้าหากไม่ได้กลั่นออกมาจากหัวใจแท้จริง แต่ก็ขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งที่ตอบเมล์กลับมา
ผมเข้าใจดีว่า...นี่คือแบบฟอร์มตอบกลับโดยทั่วไปที่เป็นการปฏิเสธอย่างแสนสุภาพที่สุด
อืม ประสบการณ์ผมบกพร่องและด้อยค่าขนาดนั้นเชียวรึ หรือผมมันต่ำต้อยไร้ราคาเยี่ยงกุลีหรือไร

ผมติดใจคำว่า "ประสบการณ์" จริงๆ ว่าใช้มาตรฐานอะไรเป็นตัวชี้วัด

มันเป็นคำที่ทำร้ายความรู้สึก และบั่นทอนความมั่นใจดีแท้ ผมไม่ได้ถืออัตตาในตนเองมากมายนัก
"เรียนให้ท่านทราบว่าประสบการณ์และคุณสมบัติของท่านไม่ตรงกับความต้องการกับตำแหน่งงาน"
เรื่องคุณสมบัติ ผมยอมรับได้เพราะสามารถตีความหมายในอาณากว้างๆ ได้
แต่แหมๆ ประสบการณ์ของท่านไม่ตรงกับความต้องการกับตำแหน่งงาน มันแทงใจเจ็บจี๊ดๆ นะ
ประสบการณ์งานร่วมสิบกว่าปีในด้านที่ผมสมัครงานตำแหน่งนั้น บริษัทคุณทำให้ผมตัวกระจิริดไปเลย
ว่าแบบทรนงในศักดิ์ศรีเล็กๆ ในฐานะคนจนลูกชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ไม่มีศักดินา
ผมก็อยากท้าเอาบุคลากรในตำแหน่งนี้ในที่นั้นทุกท่านมาพิสูจน์  (ภาษากำลังภายในก็ท้าประลอง)
"ประสบการณ์และคุณสมบัติ" ของเนื้องานจริงๆ แบบหาคนกลางข้างนอกเป็นผู้ตัดสิน
โดยเอาต้นฉบับมา ๑ เล่ม หนาสัก ๑๐๐ หน้า ขอเนื้อหาแบบไม่สมบูรณ์ครบเครื่องเลย
แล้วทดสอบทำกันดูว่าใครทำได้ดีที่สุดหรือผิดพลาดน้อยที่สุด
เพื่อความเร้าใจ ก็ต้องจับเวลาด้วย หรือเอา ๑๐ หน้า ภายใน ๑๐ นาทีก็ได้

"จะพิจารณาใบสมัครของท่านในกรณีที่มีตำแหน่งงานว่าง และเหมาะสมในโอกาสต่อไป"
โอ๊ยๆ ขนาดตำแหน่งงานที่ผมสมัครยังไม่มีประสบการณ์และคุณสมบัติพอ
แล้วจะให้ผมไปวาดหวังอะไร หรือรอโอกาสเหมาะสมอันใดครับ ผมเจียมเนื้อเจียมตัวมาก
ผมว่าคุณโยนใบสมัครงานของผมลงทิ้งถังขยะไปได้เลย หรือว่าโยนทิ้งไปแล้ว---

***

วันนี้... ช่วงเย็นๆ ผมได้รับอีเมลจากบริษัทอีกแห่งหนึ่ง ใจความดังนี้

เรียน  คุณ..........
 

ผลการทดสอบกองบรรณาธิการ กองพิสูจน์อักษร ทางฝ่ายส่งผลลงมาให้แล้ว 
ผลคือ ทดสอบผ่าน ให้ทดลอง Freelance ค่ะ ขอบคุณค่ะ

เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคล
บริษัท ....... จำกัด


ผมขยี้ตาอ่านซ้ำอีกที หยิกขาตัวเองด้วย อ่านทวน...ข้อความอาจสั้นทว่าได้ใจความ
ไม่ต้องประดิดประดอยประโยคให้หรูเลิศ ดูเป็นฝ่ายธรรมะ เอาแบบตรงๆ จริงใจพอ
แม้นผมจะยังติดใจ (อีกละ) "ให้ทดลอง Freelance" ว่าความหมายที่ต้องการบอกแบบไหน
กระนั้น ไว้ค่อยโทร.ถามเพื่อความกระจ่างชัดอีกที มิอยากจับยามตีความไปเองเออเอง
ซึ่งบริษัทนี้ ก่อนหน้าได้เมลมาให้ผมไปกรอกใบสมัครและทำแบบทดสอบในตำแหน่งที่ผมอยากทำ
โดยแบบทดสอบจะแบ่งเป็น ๒ ขั้น ข้อเขียนหมด มีผู้สมัคร (งานประจำ) มาร่วมทดสอบราวสิบกว่าคน
ซึ่งขั้นแรกทดสอบหลักการกระบวนทางความคิดผ่านโจทย์คณิตศาสตร์ มี ๑๐ ข้อ (ห้ามใช้เครื่องคิดเลข)
ส่วนขั้นสองก็เป็นการทดสอบความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน ประมาณนิยายหนึ่งบท

ผมชอบนะ เวลาสมัครงานแล้วมีการ test หรือทดสอบความรู้ด้านนั้นๆ
อย่างน้อยๆ เราก็ได้แสดงความสามารถ ความรู้ หรือศักยภาพของตนเอง
ส่วนจะทำได้ หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง เพราะขึ้นอยู่กับตัวเราเองล้วนๆ
แต่เวลาสัมภาษณ์ จะโกหกและสร้างภาพกันได้ อยากพูดให้ตัวเองดูดียังไงก็บรรยายได้
สมัยผมเคยทำงานประจำ ผมก็ออกข้อเขียนแบบทดสอบให้ผู้ที่มาสมัครงานในตำแหน่งที่ผมดูแลอยู่
เพราะผลของแบบทดสอบนั้นจะบ่งบอกถึงองค์ความรู้ของผู้สมัครได้ โดยไม่คำนึงถึงหน้าตา อายุ
ถ้าเคยดูรายการ The Voice Thailand เดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ (ตัวจริงเสียงจริง)
นั่นแหละ การคัดเลือกคนมันต้องแบบนั้น เปิดโอกาสให้แก่กันแล้วพิจารณาที่ความสามารถเป็นหลัก

ส่วน ชื่อ บริษัทที่แจ้งว่า... ผม ทดสอบผ่าน นั้น ไว้ผมจะมาเปิดเผยให้ทราบ
(ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่ระหกระเหินตกอับหายตัวไปจากโลกอินเทอร์เน็ต)
และจะขออุทิศเขียนให้หนึ่งโพสต์แบบเต็มๆ ซึ่งถ้าได้ยินชื่อบริษัทน่าจะรู้ 
หรือโฟกัสบอกชื่อหนังสือที่ขายดีและดัง ผมเชื่อแน่ว่าทุกท่านจะร้อง...อ๋อ...

***

โพสต์นี้ไม่ได้มีเจตนาลบหรืออคติอันใด ก็แค่ความคิดเห็นเล็กๆ ในสังคมโซเชียล
ผมเพียงอยากแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นบันทึกไว้เผื่อคนรุ่นหลัง หรือคนที่กำลังหางานทำอยู่
จงสู้ต่อไปครับ หากคิดว่าเราคือเมล็ดพันธุ์ที่ดี ไม่ว่าผืนแผ่นดินเป็นเช่นไรก็ต้องพยายามเติบโตให้ได้
อย่าให้ใคร หรือบริษัทไหนมาทำลายความเชื่อมั่นในตัวตนของเราเป็นอันขาด
ที่นี่ไม่เห็นคุณค่าเรา ที่อื่นก็ยังมี ทั้ง "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ไม่ใช่การเลียแผล็บๆ สมองกลวง
หน้าไหว้หลังหลอก ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ สวมหัวโขนเข้าหากันเพียงเพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัว

โลกหนักเพราะเราแบก
โลกแตกเพราะเราเร่ง
โลกที่เห็นจึงเส็งเคร็ง
เพราะเราเองเห็นแก่ตัวฯ

สำหรับผมแล้ว...ยังต้องดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป 
หนทางข้างหน้าไม่ได้ลาดยางมะตอย ไม่ได้มีดอกไม้เบ่งบานสล้างสองข้างทาง
การหางาน Freelance ทำ ก็อาจดูประหนึ่งเปลวเทียนกลางพายุ ที่พร้อมจะมอดดับได้ทุกเมื่อ
ยิ่งลมแรงก็ยิ่งดับง่าย ละลายง่าย ทั้งไม่รู้ว่าเมื่อดับแล้วจะจุดติดได้อีกหรือไม่... และจะมีไม้ขีดหรือเปล่า...
ทว่าเปลวเทียนในยามที่อากาศสงบ ลมสงัดนิ่ง ราตรีกาลโรยตัวประดับฟากฟ้า  
แสงเทียนเล่มน้อยๆ ก็ย่อมให้ความสว่างพอ หรือให้ไออุ่นกับแมลงตัวน้อยได้เช่นกัน

ในอนาคตอีกร้อยปี...พันปี...หมื่นปี...โลกเราอาจกลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์ก็ได้
ธรรมชาติอาจเรียกคืนกับมนุษย์ ลงทัณฑ์ผู้คน เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ตักตวงมาใช้
เมื่อนั้นอาจไม่มีไฟฟ้า ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีน้ำมัน ไม่มีแก๊ส ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
ยามนั้นหากได้เห็นเปลวเทียนเต้นเรื่อๆ รางๆ ก็สามารถขับไล่ความกลัวในจิตใจได้...ไม่มากก็น้อย



14 ตุลาคม 2555

ฟรีแลนซ์ ชีวิตที่ไม่ง่าย

ห่างหายไปหลายวันด้วยบังเอิญมีงานฟรีแลนซ์จากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งส่งมาให้ทำ
กอปรกับเฝ้ารอความหวังจากสำนักพิมพ์อีกหลายที่ซึ่งส่งใบสมัครไปของานดื้อๆ
ทั้งที่ลึกๆ ก็ไม่คาดหวังมากมาย มันไม่มีอะไรสวยงามและเฟอร์เฟ็กต์สมบูรณ์หรอก
เพียงแต่เศษเสี้ยวหนึ่งในหัวใจที่หมายว่าคงจะมีสักสามสี่สำนักพิมพ์ให้โอกาสบ้าง

ไหนๆ บล็อก เล่าไปเรื่อยเปื่อย อาจหมดแรงจะขับเคลื่อนในกาลข้างหน้า
ด้วยผู้เขียนอาจประสบชะตากรรมที่พลิกผันกระทั่งอาจหลีกหายจากโลกอินเทอร์เน็ต
ก็แหม...ยังไม่มีเงินจ่ายค่าเน็ตเดือนที่แล้วเลย ยังมิพักต้องกล่าวถึงว่าเดือนต่อไปๆ
ด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ จะหาทางออกหรือหาเงินจากไหนมาจ่าย ทุกวันนี้ก็อยู่แบบท้อใจและทำใจ
แม้นจะได้งานฟรีแลนซ์มาจากที่หนึ่ง ทว่ากว่าจะได้เงินนั้นก็ต้องรอและรอ
การรับงานฟรีแลนซ์นั้นต้องทำใจเรื่องรายได้ที่ไม่แน่นอน และวันที่จะได้รับค่าตอบแทน

Open Life
ไหนๆ บล็อกนี้อาจมาถึงจุดวิกฤตและสิ้นสุดในไม่ช้า...
ผมจึงใคร่ขอผันแปรหัวข้อโพสต์เป็น ภาษาไทย ซะเลย
เอาแบบสื่อสารกันตรงๆ เยี่ยงชาวไทยหัวใจรักแผ่นดินถิ่นฐานบ้านเกิด
ทั้งอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่อันยากคาดเดานี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวแสนเบื่อบรมและสุดเห่ยต่อไป
จริงๆ ผมก็อยากประวิงเวลาและยืดเยื้อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดื้อด้านและดึงดันให้สุดๆ
ด้วยหัวใจยังชอบที่จะเขียน คือถ้าไม่อ่านก็ต้องเขียน (พิมพ์) ทว่าชีวิตนั้นไม่ง่ายและไม่งามดั่งฝัน

Freelance... ผมนึกยังไงหนอถึงพยายามจะหางานฟรีแลนซ์ทำ
ในยุคที่อนาคตค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ วันละ 300 บาท และจบปริญญาตรี เงินเดือน 15,000 บาท
แถมเป็นงานฟรีแลนซ์เกี่ยวกับ บรรณาธิการ และ พิสูจน์อักษร ด้วย
อุบ๊ะ...มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด หมิ่นเหม่ และมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือไรกัน
ซึ่งวันเวลาที่ผ่านไปหลายเดือนนั้นก็ให้คำตอบชัดเจนที่สุดแล้ว ว่า...มันไม่ง่าย
ส่วนใหญ่งานหนังสือมักจ้างเป็นพนักงานประจำมากกว่า ด้วยควบคุมดูแลง่าย สั่งการได้ไว
หรือช่วงปิดต้นฉบับ ปิดเล่ม ใกล้เทศกาลงานขายหนังสือ อาจต้องนอนค้างที่บริษัทฯ ด้วย
แต่หากจะจ้างงานแบบ "ฟรีแลนซ์" แล้ว ต้องรอให้งานล้นกองบรรณาธิการและคนในทำไม่ทัน
ก็อาจมีการเรียกใช้บริการเหล่ามือปืนรับจ้างฟรีแลนซ์เหล่านี้บ้าง (ลาภลอยที่ลิบเลือน)

รับจ้าง พิสูจน์อักษร Freelance และ บรรณาธิการอิสระ
ผมได้ไปตะลอนลงประกาศฝากไว้ตามเว็บต่างๆ เพื่อพยายามดิ้นรนหาเงินเพื่อการมีชีวิตรอด
ทั้งเผื่อว่าอาจมีบริษัทหรือสำนักพิมพ์ไหนสนใจบ้าง กระนั้นก็ดูจะเงียบเชียบและว่างเปล่า
ประหนึ่งชาวประมงที่ออกเรือสู่มหาสมุทรเวิ้งว้างเบื้องหน้า โดยมิรู้ว่าเทียวกลับจะได้ปลามาเท่าไหร่

ทว่าที่สุด ผมก็ยังคงมีความหวังอยู่ แม้นจะแลดูริบหรี่และรางเลือนก็ตาม
ไม่รู้สิ...หากชีวิตไร้ซึ่งความหวังและความฝันแล้วจะอยู่เช่นไรล่ะ--
หรือบทสรุปของที่สุดคงไม่แคล้วต้องอยู่กับความเป็นจริง ทั้งก้มต่ำยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ในเมื่อเลือกทางที่จะหางานแบบฟรีแลนซ์แล้ว ก็ควรน่าเคารพการตัดสินใจของตัวเอง
ถึงแม้นท้องจะหิวแสบ หนี้สินจะมากมาย และยังมองไม่เห็นแสงสว่างเบื้องหน้าเลย

เห้อ...เมื่อไหร่หนาจะหลุดพ้นและได้เขียนบล็อกโอเพน ไลฟ์นี้ด้วยความดีใจเริงร่า สุขี
มีท่วงทำนองอารมณ์ขัน หรือสมองแช่มชื่น ด้วยหัวใจเบิกบาน และด้วยความรู้สึกปีติสุขบ้าง

นึกถึงบทกวีของพี่โย - เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ วรรคหนึ่งขึ้นมาทันใด
“พื้นที่ข้างนอกสิ้นไร้    พื้นที่ข้างในไพศาล
เขียนเถิดเขียนจิตวิญญาณ    เขียนเพื่อเบิกบานด้านใน –ฯ"


ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ทำงานฟรีแลนซ์ทุกท่าน และผูัทำงานประจำทุกนาม
เพราะการมีงานทำย่อมหมายถึง "เงิน" ที่จะตามมา...


8 ตุลาคม 2555

Poor ข้นแค้นในวิถี

เหนื่อยไปเรื่อยๆ ค้นหาความฝันที่ไม่รู้ว่าหล่นหายอยู่ ณ ห้วงแห่งไหน
นั่งเหว่ว้าในห้องอย่างหม่นหมองขณะท้องร้องโหยโครกครากเป็นระยะ
กอดเข่ามองชั้นหนังสือด้วยสายตาแสนว่างเปล่า ความคิดมืดตื้อ อารมณ์มัวมุ่น
ด้วยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเก็บเสื้อผ้า มัดหนังสือ หรือแพ็คของอย่างไร
ผมถอดใจ อ่อนใจ และปลงใจเสียแล้ว เริ่มยอมแพ้กับวิถีในเมืองหลวง

บ่ายแก่ๆ วันเสาร์ที่ผ่านมา... 
เพื่อนคนหนึ่งแวะมาหาที่ห้องพร้อมข้าวคลุกกะปิหนึ่งกล่อง 
ลูกชิ้นย่างห้าไม้ ก่อนเพื่อนจะกลับก็ยังแบ่งเงินให้ผมใช้ ๒๐๐ บาท
ทำให้ผมพอมีเงินซื้อข้าวสาร ๑ กิโล ไข่ไก่ ๕ ฟอง 
กับกาแฟซองเล็ก ที่ประทังชีวิตอยู่มาได้วันนี้
ขอบใจนะสำหรับน้ำใจและความห่วงใย ทั้งๆ ที่เพื่อนก็แย่เช่นกัน

รสชาติความจน การไม่มีเงิน มันช่างบาดลึก ทุรนทุราย และปวดปร่าใจยิ่ง
เป็นประสบการณ์แสนย่ำแย่อีกครั้งของชีวิตที่ห่างไกลจากความสำเร็จอันใด
ผมไม่โทษใครหรือผู้ใดเลย เพราะนี่คือชะตากรรมของตัวผมเอง ความผิดพลาดของตนเอง
แม้นบัดนี้จะพยายามดิ้นรนเพื่อการมีลมหายใจสืบไป ทว่าหนทางข้างหน้าก็แลดูตีบตันและมืดมิด
เริ่มหมดพลังลงไปทุกที บางครายังคิดอยากไปเป็น "ขอทาน" ด้วยซ้ำ

ผ่านไปจะร่วมสองเดือนกับการที่ผมส่งเมล์ไปสมัครงาน
พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ หรือ บรรณาธิการอิสระ
โดยส่งไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่พอหาที่อยู่อีเมล์ได้ ประมาณยี่สิบกว่าบริษัท
ซึ่งส่วนใหญ่จะเงียบเชียบ หายลับ ไม่มีการตอบรับ หรือคงไม่สนใจ หรืออาจไม่มีนโยบายจ้างฟรีแลนซ์
แม้นบางที่จะตอบมาบ้าง มีการคุยกันบ้าง หรือเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง หรือบอกว่าจะส่งงานให้บ้าง
ทว่าที่สุด...ก็คือการ "รอคอย" อย่างหมดหวังและสิ้นฝัน เหมือนสายน้ำไหลผ่านไปไม่หวนกลับ...

อย่างว่าแหละ ผมมันคนจน ไม่มีเส้นสาย ไม่มีมารยาสาไถย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
คิด รู้สึก หรือเห็นเป็นเช่นไรก็ว่าไปตามนั้น ความเป็นเมืองมิอาจกลบกลิ่นอายความเป็นบ้านนอกได้
เมื่อไม่มีสำนักพิมพ์ไหนสนใจ หรือเมตตา หรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือให้โอกาสกัน
ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพความจริง อดก็คืออด ตายก็คือตาย... อย่าหมายให้ใครมาสมเพชเห็นใจ
ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ขอเงินฟรีๆ พร้อมจะทำงานแลกเงิน เพราะผมอยากทำงานเกี่ยวกับหนังสือ
อาจเป็นที่แน่แท้ว่า...ทางเลือกสุดท้ายก็คือซมซานกลับบ้านอย่างผู้แพ้ราบคาบ

นี่วันพุธที่ ๑๐ ตุลาคมนี้ ก็มีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งเมล์มาให้ไปทำแบบทดสอบงาน
ช่างน่าเศร้าที่ผมไม่มีเงินค่าเดินทาง ขนาดที่ค่าไฟกับค่าเน็ตก็ยังไม่มีจะจ่ายเช่นกัน
ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่อยากจะนึกถึง วันนี้ก็ทำไข่ตุ๋นสองฟองโดยใส่น้ำให้มากหน่อย
แบบต้องกินทั้งวัน ทั้งที่จิตใจเดี๋ยวนี้ไม่นึกหิวเอาซะเลย แค่กินเพื่ออยู่ไปวันต่อวันเท่านั้น..

ยังดีที่มีคนเมล์มาสั่งซื้อหนังสือ พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ ราคา ๑๘๙ บาท
ซึ่งถ้าโอนเงินมาให้ ผมก็คงมีเงินพอเดินทางไปเขียนใบสมัครงานและทำแบบทดสอบในวันพุธได้
ช่วงนี้ได้แต่หวังเงินเล็กๆ น้อยๆ จากการเอาหนังสือในห้องมาลงขายที่เว็บ Life Book
หรือท่านใดสนใจจะแวะมาอุดหนุนหนังสือบ้างก็ขอบพระคุณอย่างยิ่ง...
เผื่อว่าจะพอได้เงินจ่ายค่าไฟกับค่าเน็ตได้บ้าง ด้วยสังคมไทยคงไม่แห้งแล้งน้ำใจ

ผมกอดเข่ามองหนังสือตามชั้นด้วยสายตาเลื่อนลอยและหม่นหมอง
พลางคิดเงียบๆ ถึงวันต่อไป...และต่อไป...










6 ตุลาคม 2555

Sleep หลับใหลหลบเร้น

จากเล่าไปเรื่อยเปื่อยเริ่มอยากจะนอนไปเรื่อยๆ โดยไม่อยากตื่นขึ้นมาดูโลก
นอนซมซานซึมเซาแบบผู้ป่วยไข้ที่ยากจะเยียวยารักษาให้หายขาด
บางทีชีวิตก็แสนน่าเบื่อยิ่งนัก แถมยังดูไร้ค่าไร้ราคาในค่าความเป็นคนอีก
หรือว่าหัวใจนั้นสูญสิ้นความหวังและความฝันใดๆ ไปแล้ว...

เช้าวันเสาร์นี้...
ผมไม่อยากลุกลากสังขารลงจากเตียงเลย มันหมดพลังงานชีวิต
อยากนอนอุตุหรือครุ่นคิดปัญหานานัปการที่ดูเหมือนไร้หนทางออก
ว่าตามจริงก็อยากนอนนิทราหลับยาวๆ แล้วลืมเรื่องราวที่ผ่านมาให้หมดสิ้น
หลับใหลหลบเร้นอยู่ในดินแดนไกลโพ้นที่ไร้เทคโนโลยีและวัตถุศิวิไลซ์

ผมหวนนึกถึงบทเพลง "ฉันฝันว่าฉันตาย" ของ ชูเกียรติ ฉาไธสง ขึ้นมาอีกครั้ง...


"ฝันฉันล่องลอย ใจลอยไกล ไปถึงดวงดาว
ฉันผ่านความร้อนหนาว ผ่านความปวดร้าว กลางฟ้าแสนเปลี่ยว
ไกลสุดแสนไกล ไปเพียงผู้เดียว ใจเอ๋ยใจ ฉันนั้นแสนเหงา
ฉันตั้งคำถาม โลกที่แสนงามมีเพื่อสิ่งใด
คนเกิดมาต้องตาย รอวันสุดท้าย ชีวิตว่างเปล่า
เป็นเศษธุลี ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ชีวิตไร้ความหมาย
ฉันต้องเดินทางที่เคว้งคว้างเพียงเดียวดาย
ฝันเห็นคนดี ที่สาบสูญไปมากมาย
สีของโลก ร้อนแรง เสียดแทงจนแหนงหน่าย
บทลำนำ แห่งความตาย เริ่มครอบงำ
ฉันฝันว่าฉันตาย เลือดแดงหลั่งราย ตายบนดวงดาว
หุ้มห่อด้วยหมอกขาว อาบน้ำค้างพราว กลางฟ้าหนาวเย็น
โลกพันธนาการ มีคนมองเห็น ฉันแพ้พ่าย ความหมายที่ต้องเป็น..."


***
เสียงนกดังแว่วไหวมาจากระเบียงหลังห้อง แสงตะวันสาดฉายคล้ายเต้นระบำปลุกเร้า
ผมยังคงนอนเอามือก่ายหน้าผากเพื่อคิดวิธีหาเงินมาจ่ายค่าไฟกับค่าเน็ต
พลันคิดถึงแม่ขึ้นมาจับจิต นึกถึงใบหน้าแม่ที่แก่ชรามากขึ้นไปตามเดือนปี...

เมื่อต้นเดือนนี้ ผมโทรศัพท์ไปหาแม่พร้อมกับเอ่ยปากยืมเงินท่านมาจำนวนหนึ่ง
เพื่อเอามาชำระค่าผ่อนคอนโด ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ และค่าผ่อนโน้ตบุ๊ก...
ทว่าก็ยังไม่พอจ่ายค่าไฟกับค่าเน็ต นี่ยังมิต้องกล่าวถึงค่ากินอยู่ในเมืองหลวงอีก
นี่ผมรอนแรมไกลจากบ้านมาอยู่ในมหานครเพื่อดิ้นรนค้นหาอะไรล่ะนี่--
ยิ่งคิดก็ให้ยิ่งอยากหลับใหลนิ่งสนิท...ผ่อนลมหายใจทีละนิดอย่างเหนื่อยล้า...นิทรานิรันดร์

เที่ยงกว่าๆ เสียงเด็กๆ วิ่งหยอกล้อเล่นกันดังผสานมาจากระเบียงหลังห้อง
แสงตะวันหรุบหรู่เสมือนจะหลีกทางให้เมฆครึ้มฝนได้สำแดงบทบาทบ้าง
ผมยังอยากนอนต่อ...หมดเรี่ยวแรงคิดอ่านหรือจะทำอะไร ไม่อยากตื่นมารับรู้ความจริง
ข้าวสารหมด เงินหมด ไข่ไก่หมด กาแฟหมด เหลือแต่มาม่าสองซองกับปลากระป๋องอีกหนึ่ง
วันนี้...รอดตายไปได้อีกหนึ่งวัน กระนั้นก็ไม่มีกะจิตกะใจอยากกิน รอให้หิวสุดๆ ก่อน

ผมนอนมือก่ายหน้าผากพลันหลับตาต่อ...


3 ตุลาคม 2555

Test ลงยูทูปในเว็บบอร์ด

ต้นเดือนอีกแล้ว...ไม่แคล้วต้องหายใจเบาๆ เพื่อประหยัดพลังชีวิตบ้าง
รอลมหนาวแรกแห่งเหมันตฤดูมาเยือนอย่างเปล่าเปลี่ยวและเคว้งคว้าง
ครานี้ ขอรีแล็กซ์เรื่องเครียดๆ แสนกลุ้มไว้ที่ปลายฟ้าชั่วคราว ฝากดาวดูแลด้วย

เล่าไปเรื่อยเปื่อย...โพสต์นี้จะขอสวมเสื้อคลุมเยี่ยงผู้รู้ปลายแถวสักเล็กน้อย
คือจะกล่าวถึง "วิธีลงยูทูป (YouTube) ลงในเว็บบอร์ด" แบบบ้านนอกๆ

เริ่มต้นตั้งไข่ ไม่ใช่สิ... เอาเป็นว่าถ้าเราชอบเล่นเว็บบอร์ดสักที่หนึ่ง
ชอบเฮฮาพูดคุย หยอกล้อ หรือต้องการสื่อสารด้วยบทเพลง หรือวิดีโอจากยูทูป
โดยอยากให้ภาพยูทูปปรากฏหราในกระทู้ที่ตอบหรือแสดงความคิดเห็น นัยว่าเป็นสีสัน
ผมขอสมมุติ "เว็บบอร์ด" สักแห่งหนึ่งเพื่อประกอบการอธิบายแบบบ้านๆ

ณ หน้าเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง

คลิก "ใส่แฟลช"

เมื่อคลิกแล้วจะปรากฏข้อความนี้ [flash=200,200][/flash]
พักไว้ก่อน อาจไปเข้าห้องน้ำ หาขนมกิน หรือโทรคุยกับแฟนก่อนก็ได้
แต่ไม่อยากเสียเวลาก็เปิดหน้าต่าง www.youtube.com ขึ้นมาทันใจ
แล้วเลือกหาเพลง หาคลิป หรือหาอะไรต่อมิอะไรในยูทูปที่อยากจะนำมาลงในเว็บบอร์ด
ผมยกตัวอย่างเช่น ผมอยากเอาเพลง You and I ของ Scorpions มาลงละกัน

Click แบ่งปัน

ก่อนจะคลิก "แบ่งปัน" ก็กด "ชอบ" สักหนึ่งฉึกเพื่อน้ำใจที่จะเอาเพลงเขามาลง
จากนั้นก็ตามด้วยการกด "ฝัง" แล้วก็อบปี้ในพื้นที่สี่เหลี่ยมข้างล่างที่ปาดคลุมไว้

ฝัง + ก็อบปี้

อุ๊ย... ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะครับ
ระหว่างนี้ก็เปิดโปรแกรม Notepad ขึ้นมาพลางๆ ก่อน (แวบบบบบ)

ห้านาทีผ่านไปไวเหมือนนิทานปรัมปรา...
ที่ให้เปิดโน้ตแพ็ดขึ้นมาก็เพื่อจะเอาที่ก็อบปี้โค้ตเมื่อกี้มาวางลง จะเป็นเช่นนี้แล...

ให้ก็อปที่ปาดคลุมไว้เท่านั้น

แล้วก็กลับไปยังหน้า เว็บบอร์ด ที่เราจะตอบกระทู้และต้องการลงยูทูป
ตรงที่ค้าง [flash=200,200][/flash] ไว้นะ (จำได้ก๋า)
เราแค่ก็อป http://www.youtube.com/v/T_fbuSuP49I?version=3&hl=th_TH&rel=0 มาลง
พร้อมทั้งเปลี่ยนขนาดภาพที่ต้องการแสดงจาก 200,200 เป็น.... (ดังภาพตัวอย่าง)

ขั้นตอนสุดท้ายแล้วจ้า

ที่สุด...ก็จะได้คลิปวิดีโอยูทูปดังนี้....



หากผมอธิบายแล้วงงๆ มึนๆ ก็ต้องขออภัยด้วยครับ
เพราะพิมพ์แบบสดๆ ไม่มีสคริปต์...