30 ธันวาคม 2555

ของขวัญปี 2556

สวัสดีปีใหม่...ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ หรือปี ค.ศ. 2013

ในที่สุด บล็อกเล่าไปเรื่อยเปื่อย พร่ำเพรื่อ และเพ้อพรรณนา ก็เตาะแตะตั้งไข่มาได้ครึ่งปี
ลึกๆ นึกว่าจะไม่รอดและปลาสนาการหายไปแบบดาดดื่นตามธรรมชาติ
แม้นหลังๆ พลังไฟที่จะอัพบล็อกเกิดสนิทขึ้นเขลอะแล้วพาลเกียจคร้านโรยแรง

ปีเก่า ๒๕๕๕ ใกล้จะผ่านพ้นอีกปีแล้ว...วูบวาบใจหายเช่นกัน
ในเมื่อเหลือเวลาอีกไม่นาน...จะก้าวข้ามผ่านไปสู่ปีใหม่
จึงขอฝากฝังและจดจารบทกลอนพื้นๆ เพื่อบันทึกอารมณ์พล่านๆ ที่พรายกระซิบแผ่วๆ
ไว้เป็นอดีตซึ่งในอนาคตยามแก่ชราภาพอาจได้กลับมาอ่านทบทวนความหลังบ้าง



ของขวัญปี 2556

สวัสดีปี ๒๕๕๖
อาจเป็นปีที่สะทกสะท้านไหว
หรือเป็นปีที่ความฝันนั้นอยู่ไกล
เกินเอื้อมจะคว้าไขว่ไว้ได้ทัน

ปีเก่าผ่านไป...ปีใหม่ก็ผ่านมา...
ขณะเข็มนาฬิกาหมุนเปลี่ยนผัน
ปฏิทินเปิดหาย รักมลายพลัน
สัมผัสเพียงความเงียบงันของวันคืน

สวัสดีปีใหม่...
อาจเป็นปีที่หัวใจแสนขมขื่น
ดื่มด่ำกับความเดียวดาย เมามายสะอื้น
เพราะชีวิตมิอาจยืนเพียงลำพัง

ท่ามกลางสายลมหนาวของความเหงา
ขอของขวัญแค่มีเราสุขสมหวัง
ให้คล้องรักครองคู่อยู่จีรัง
พบพานคนน่ารักนาชังสักครั้งเอย...


***

ปี ๒๕๕๖ ขอเป็นนกผกผิน
ท่องโบยบินเหนือฟากฟ้าอย่างผ่าเผย
ยามเหนื่อยล้าก็ร่อนลงก่อนผ่านเลย
หยุดพักชมหมอกเหมยหรือทะเล

กลัวจะเป็นนกปีกหุบลู่อยู่ในกรง
หมดไร้สิ้นพิษสงออกเริงเร่
ขังตัวเองกับวิถีที่จำเจ
รอปีกกล้า...ฟ้าร้องเห่ค่อยทะยาน

เรามาไกลกว่าอายุ - ปัจจุบัน
พอเหลียวหลังกลับหันแทบพลุ่งพล่าน
มองเห็นแต่ความหม่นหมองของวันวาน
โลกในจินตนาการอยู่ที่ใด--?

ขอเถอะ, ขอวันพรุ่งรุ่งอรุณ
พานพบแสงเรืองอุ่นสว่างไสว
ชีวิตนี้เพียงสุขบ้าง ณ ทางไกล
ประสบสิ่งแสนยิ่งใหญ่สักครั้งเอย...


.

24 ธันวาคม 2555

ฟรีแลนซ์ไม่มีโบนัส

ใกล้สิ้นปี...สำหรับพนักงานประจำผู้รับเงินเดือนนั้น
คงต่างหมายมาดปรารถนา "โบนัส" กันแน่แท้ นอกเหนือจากการปรับเงินเดือนขึ้น
ซึ่งปัจจัยเรื่องโบนัสนั้นก็อยู่ที่มาตรฐาน ผลประกอบการ หรือนโยบายของแต่ละที่
หากยิ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดกลาง เห็นทีต้องลุ้นกันแบบหายใจไม่ทั่วท้องก็ได้

ความจริงว่าจะบอกเล่าแบ่งปันเรื่อง ราคาค่าจ้างของพิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์
ทว่าขอพักไว้ก่อน ไหนๆ ก็จะสิ้นปีแล้ว ทั้งได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่อง "โบนัส" โดยบริษัทที่ปรึกษาเฮย์กรุ๊ป
ที่เผยผลสำรวจการจ่ายโบนัสขององค์กรชั้นนำในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕
ซึ่งคาดว่าจะอยู่อยู่ในอัตราเฉลี่ย 2.8 เดือน (คิดง่ายๆ ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ก็สามเดือน)
โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะจ่ายโบนัสสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย
(1) กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก คาดว่าจะจ่ายโบนัส 3.75 เดือน
(2) กลุ่มสาธารณูปโภค คาดว่าจะจ่ายโบนัส 3.53 เดือน
(3) กลุ่มปิโตรเคมี คาดว่าจะจ่ายโบนัส 3.04 เดือน



เมื่อสำรวจแยกเป็นรายกลุ่มและรายบริษัทที่มีการจ่ายโบนัส ต้องนับว่า
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นที่หนึ่งของความใจป้ำใจสปอร์ต (ไม่ช๊อต)
โตโยต้า คาดว่าจะจ่าย 8.5 เดือน
มิตซูบิชิ 7 เดือน บวกเงินเพิ่ม 3 หมื่นบาท
ยามาฮ่า 5 เดือน
ฮอนด้า 6 เดือน บวกเงินเพิ่ม
นิสสัน, ฟอร์ด และมาสด้า จ่าย 4 เดือน

กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง
ชิโนไทย จ่ายถึง 10-12 เดือน (ถือว่ามากสุด)
อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนต์ เฉลี่ย 1 เดือน
บริษัทพรีบิลท์ 4-6 เดือน
บริษัท ช.การช่าง 3 เดือน

กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก
เครือสหพัฒนพิบูลจ่าย 5 เดือน
โออิชิ กรุ๊ป 2 เดือน
เซ็นทรัลพัฒนา 3.5 เดือน
ซีพีเอฟ 2 เดือน (จ่ายเท่ากันทุกปี)
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” อยู่ที่่ 4-5 เดือน

กลุ่มอุตสาหกรรมการสื่อสารและโทรคมนาคม
พีเอสไอ โฮลดิ้ง จ่ายให้ 3-5 เดือน
เอไอเอส 4 เดือน
กสท. 4 เดือน
ดีแทค 1 เดือน
ทีโอที 1 เดือน

ลองมาดูอีกสักหนึ่งกลุ่มกัน... (เสียดายไม่มีกลุ่มพวกสำนักพิมพ์)
กลุ่มสื่อหนังสือพิมพ์
ไทยรัฐ 4 เดือน
เดลินิวส์ จ่าย 3-4 เดือน
เครือมติชน 2 เดือน
กรุงเทพธุรกิจ 1-2 เดือน
ฐานเศรษฐกิจ 1 เดือน
โพสต์ทูเดย์ 0.5 เดือน

ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้ "โบนัส" ด้วย หลังจากทำงานมาหนักและเหนื่อยทั้งปี

ขณะที่อาชีพ ฟรีแลนซ์ แอนด์ อิสระเสรี นั้น ไม่มีโบนงโบนัสอันใดทั้งสิ้น
ยิ่งฟรีแลนซ์อย่างผมด้วยแล้ว แค่มีงานป้อนเข้ามาให้ทำตลอดและได้เงินสม่ำเสมอก็ดีใจยิ่ง
จึงมิบังอาจคิดเรื่องโบนัสให้บึ้งตึงบูดบึ้งในอารมณ์ ด้วยบุญวาสนาคนเราย่อมต่างกัน
คิดแค่ว่า...จะหางานฟรีแลนซ์เพิ่มยังไง หาลูกค้าส่งงานงานประจำเช่นไร และก็ทำงานให้ดีที่สุด
กระทั่งจะหาเงินโดยสุจริตเยี่ยงไรเพื่อจะได้มีเงินส่งให้พ่อแม่บ้าง

ฉะนั้น ฟรีแลนซ์ไม่มีโบนัส ก็ย่อมเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาลสมัย
ทำงานอย่างมีความสุข สนุกกับงาน และเบิกบานกับชีวิตที่เลือกแล้วดีกว่า
ในเมื่อเราไม่ได้โกงกิน ฉ้อฉล หลอกลวง ปล้นฆ่า หรือปอกลอกเอาเงินใครฟรีๆ
เราใช้สมอง ทุ่มเทความคิด ทำงานด้วยใจ มีความรับผิดชอบ หนักเอาเบาสู้ และก็อยู่อย่างพอเพียง
เราก็จะมีพื้นที่แห่งความสุขเล็กๆ ทั้งพึงพอใจกับวิถีชีวิตที่ไม่เห่อตามกระแสบริโภคนิยม

ดังนั้น โบนัสสำหรับอาชีพฟรีแลนซ์ ของผมแล้ว...
โบนัสก็คือการไม่ต้องตื่นแต่เช้าแล้วกุลีกุจอไปตอกบัตร ไม่ต้องเบียดเสียดแออัดไปกับการเดินทาง
ไม่ต้องเสียสุขภาพจิตกับการจราจรติดขัดบนท้องถนนของกรุงเทพฯ ไม่ต้องกินข้าวเที่ยงตามเวลาพัก
ไม่ต้องเสแสร้งปั้นหน้ามายากับผู้คนมากมายในออฟฟิศ ไม่ต้องพะวงเรื่องฝนตก อากาศหนาว
ไม่ต้องเขียนใบลากิจ ลาป่วย และไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าเสื้อผ้า ค่าน้ำหอม หรือค่าเครื่องสำอางใดๆ

"เงิน" อาจเป็นคำตอบที่อำนวยความสุขสบายได้ ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีๆ ได้
"เงิน" อาจพาไปเที่ยวไหนต่อไหนได้ เสริมแต่งความสวยได้ ให้การศึกษาสูงๆ ได้
"เงิน" อาจทำให้มีหน้ามีตาทางสังคม บันดาลบ้านหลังงามๆ และรถคันหรูๆ ได้
"เงิน" อาจซื้อบริการทางเพศได้ เลี้ยงดูสาวๆ ได้ ซื้อวัตถุสิ่งของได้มากมายพะเรอเกวียน
"เงิน" อาจเป็นบันไดเพื่อตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นได้ และก็ทำลายจิตวิญญาณมนุษย์ด้วยกันเองได้เช่นกัน

ที่แน่ๆ "เงิน" ซื้อไข่ไก่ ปลากระป๋อง ข้าวสาร และมาม่าได้...
ทว่า "เงิน" มิอาจยื้อหรือซื้อความแก่และความตายได้แน่ๆ (อาจประวิงเวลาได้บ้าง)
เพราะที่สุดทุกๆ คนก็มิอาจหลบเร้นหรือหนีพ้นสัจธรรมแห่งชีวิตเพื่อความเป็นอมตะได้....

โบนัสแท้ๆ สำหรับผมนั้นก็คือ...
เห็นคนไทยรักกันและสามัคคีกันมากๆ


13 ธันวาคม 2555

Proof Reader งานแห่งสมาธิ

กาลเวลาผ่านไปใกล้เจ็ดเดือนแล้วสำหรับบล็อกเล็กๆ แห่งนี้
กับบทความราวๆ ๔๐ กว่าๆ ที่พร่ำพิมพ์ไปเรื่อยเปื่อยแบบไร้รูปแบบ
โดยเขียนบทความตกเฉลี่ยเดือนละ ๖ ชิ้น ทั้งมีแนวโน้มอนาคตว่าอาจจะลดลงซะอีก

ต้นสัปดาห์นี้...มีงาน Proof Reader จากสำนักพิมพ์หนึ่งส่งมาให้รับใช้สามเล่มรวด
นับเป็นความอนุเคราะห์และไว้วางใจในความสามารถที่สุดจะกล่าวด้วยความรู้สึกใดๆ
จริงๆ หนังสือทั้งสามเล่มนี้เป็นคนไทยเขียน แล้วก็มีชื่อภาษาไทย
แต่ด้วยยังคงเป็นต้นฉบับกรุ่นๆ ผมจึงขอนำมาบอกเล่าด้วยชื่อภาคภาษาอังกฤษพลางๆ ก่อน
- Start to be Rich
- Easy Guide : Professional Outsource
- Good Stories Make Positive Mind



ผมเคยเขียนเรื่องพิสูจน์อักษรในบล็อกนี้มาแล้ว ในหัวข้อ >> Proofreader
ซึ่งก็นับเป็นงานที่ผมถนัดเช่นกัน นอกเหนือจากงาน "บรรณาธิการ" ที่รัก
ทั้งก็ยังมีงานปรู๊ฟนิยายไทยแนวโรมานซ์ประจำจากอีกที่หนึ่งอีก
บางช่วงก็อาจมีงานทั่วๆ ไปจากที่อื่นแทรกมาบ้าง ซึ่งก็พอมีรายได้ถูไถไปตามสภาพ
ทว่าก็ต้องกินอยู่อย่างพอเพียง พยายามหุงข้าวและทำกับข้าวกินเองแบบง่ายๆ
เลิกหลงใหลสิ่งฟุ้งเฟ้อ ยั่วยวนกิเลส และไม่เห่อตามสังคมวัตถุนิยมที่พัฒนาแบบบ้าคลั่ง
พวกไอโฟน ไอแพด ไอพอด ก็แค่ปล่อยวาง ด้วยไม่มีปัญญาและปัจจัยจะจับจองครอบครอง
แค่ใช้โน้ตบุ๊ครุ่นเก่าๆ ต่อเน็ตได้เพื่อทำงานก็แสนจะสุขใจนักหนาแล้ว...

Proof Reader งานแห่งสมาธิ ว่าตามจริงก็ต้องเป็นงานของผู้รักการอ่าน ชอบจับผิด ลุ่มลึก
ชอบค้นคว้าหาเรื่องที่สงสัย ต้องใจเย็น นิ่งสงบ ทั้งพร้อมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ
ที่สำคัญก็คือ ต้องรับงานได้ทุกแนวทุกสไตล์ เพราะหน้าที่หลักคือการพิสูจน์อักษรเพื่อหาคำผิด
ทว่าเมื่ออ่านแล้วพบว่าเนื้อหาขัดแย้ง สรรพนามผิดเพี้ยน ความหมายไม่ใช่ หรือเห็นต่างอันใด
ก็ควรคอมเม้นต์ไว้ หรือพูดคุยปรึกษากับนักเขียน บรรณาธิการ และทีมงานเช่นกัน
ด้วยหน้าที่ของ "Proof Reader" นั้น มีศักดิ์ มีศรี มีเกียรติ มีความสำคัญยิ่ง
ทั้งยังเป็นกลไกฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยทำให้หนังสือเล่มนั้นๆ เกิดความสมบูรณ์และถูกต้องมากที่สุด
"จงทำงานด้วยใจรัก สนุก และมีความสุขกับงาน" จะได้รู้สึกเอิบอาบยินดียามหนังสือออกมาเป็นเล่มบนแผง

เวลาปรู๊ฟงานนั้น สมาธิคืออาวุธในการอ่าน ต้องเข้าใจและซึมซาบไปกับเนื้อเรื่องอย่างถ่องแท้
อาชีพ "ฟรีแลนซ์" ที่รายได้ไม่แน่นอน คงไม่ใช่การเน้นปริมาณงานเพื่อหวังเงินที่มากขึ้น
หากคิดเช่นนั้นก็ย่อมทำให้คุณภาพงานลดลง ด้อยค่า หรือเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
แม้นผมจะเต็มใจรับงานปรู๊ฟมาสามเล่ม แต่ก็ต้องถามกำหนดการเสร็จงานของแต่ละเล่มด้วย
เพื่อจะได้วางแผน ประเมิน และจัดสรรเวลาทำงานได้ถูก เล่มไหนรีบ เล่มไหนไม่เร่ง
ไม่ใช่ตะบี้ตะบันรับงานมามากๆ (เอาหมด) เพื่อต้องการเงินเยอะๆ ทว่าให้เวลาทำงานไม่กี่วัน
แบบนี้จะหวังคุณภาพได้อย่างไร จะผลาญใช้สมาธิหรือสมองเยี่ยงเครื่องจักรก็คงไม่ไหวกระมัง
เราเป็นมนุษย์มิใช่หุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรม เรามีอารมณ์ ความรู้สึก แล้วก็จิตใจนี่นา...

โมงยามที่ผมไม่มีสมาธิ ไร้อารมณ์จะทำงาน สมองมึนเบลอ ก็ปลีกวิเวกหาเวลาพักผ่อนสักเล็กน้อย
อาจออกไปเดินเล่น หาหนังดู พูดคุยกับคนโน้นคนนี้ หรือพรวดมาเขียนบล็อกบ้าง
พยายามหาเวลารีแล็กซ์ ผ่อนคลาย ปลดปล่อย เพื่อสะสมตระเตรียมพลังไว้ทำงานต่อไป...

ทุกวันนี้...ผมภูมิใจและรักในอาชีพ "พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์" กับ "บรรณาธิการอิสระ" มากนะ
แม้นว่าที่สุดจะทำให้ชีวิตแค่พออยู่พอกินก็ตาม อาจดูไม่โก้เก๋หรือเท่ระเบิดเหมือนอาชีพอื่นๆ
อย่างน้อยๆ ก็เป็นอาชีพที่สุจริตและยังความสุขใจให้เสมอแหละ

ไว้คราวหน้า...ผมจะบอกเล่าเล็กๆ เกี่ยวกับราคาหรือค่าจ้างของอาชีพ "พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์"
ว่าคิดค่าตอบแทนกันยังไง? ให้เท่าไหร่? ทว่าที่สุดก็ไม่มีความแน่นอนของราคาค่าปรู๊ฟหรอกนะ
ยิ่งถ้าจะหาความมั่นคงหรือรายได้ทางอาชีพนี้แบบสม่ำเสมอและมั่นคงแล้ว
คงต้องหางานฟรีแลนซ์จากบริษัท หรือสำนักพิมพ์ หรือที่อื่นๆ ที่ป้อนงานให้ประจำและแน่นอนทุกเดือน
กระนั้น...ก็ไม่ง่ายดังฝัน ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่มิอาจควบคุมได้นั่นเอง

บางเวลา...ผมยังท้อๆ และให้หวนอยากไปทำงานประจำเลย
ทว่าเมื่อเลือกทางสายนี้แล้ว ที่สุดก็ต้องเดินต่อไป...ต่อไป...และต่อไป...

8 ธันวาคม 2555

ยามว่างของคนไร้งานประจำ

ทุกคนล้วนย่อมมีเวลาว่างกันทั้งนั้น จะว่างมากหรือว่างน้อยก็ว่ากันไป
คู่รักอาจมีเวลาว่างให้กันมากมายในช่วงแรกๆ เพราะหวานชื่นและใหม่หมาด
พ่อแม่อาจไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ลูกมากนักเพราะต้องทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว
ขณะที่คนไร้งานอย่างผมกลับมีเวลาว่างเหลือเฟือและเอ้อระเหยไปเรื่อยเปื่อย...

เมื่อไม่มีงานฟรีแลนซ์จากใครหรือที่ใดๆ ให้รับใช้
ผมก็มักจะหาเวลาและพลิ้วอารมณ์เพื่ออัพเดทบล็อกต่างๆ หรือถ่ายรูปหนังสือลงร้าน
บางทีก็หาความรู้จิปาถะ เจอความรู้หนึ่งก่อนนำไปสู่อีกความรู้หนึ่ง
บางคราก็หาข่าวอ่านตามเว็บที่ชอบ ไม่ก็แกร่วเกร่อตามเว็บบอร์ดที่เป็นสมาชิกบ้าง
หรือปิดโน้ตบุ๊กแล้วดูหนังบ้าง ฟังเพลงบ้าง ออกไปเดินเล่นใกล้ๆ บ้าง

ทั้งๆ ที่ยามว่าง...อยากทำสวน อยากเดินทางท่องเที่ยว อยากอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่
อยากดื่มสังสรรค์กับเพื่อน อยากนั่งเล่นในสวนสาธารณะ อยากจูงสุนัขไปเดินเล่น
อยากกางเต็นฑ์นอนดูดาว อยากกุมมือคนรักให้นานๆ และอยากอะไรต่อมิอะไรมากมาย

บางคนถามผมว่า "จะมาเขียนบล็อกทำไม เสียเวลา และไม่ได้เงิน"
นั่นสิ...ผมใช้เวลาว่างและยามว่างในทางที่ทุจริต ไร้ค่า หรือชั่วร้ายอันใดรึ
ความสุขของคนเราต่างกัน ความชอบก็ไม่เหมือนกัน ทั้งความคิดก็เห็นคนละด้านกันอีก
จริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามีคนสนใจบล็อกนี้มากน้อยแค่ไหน ใครจะชอบหรือไม่ชอบ
ทว่าผมมีความสุขในการเขียนบล็อก คิดเห็นหรือรู้สึกอย่างไรก็จารบันทึกไว้บ้าง
อย่างน้อยๆ ยามแก่ชราและยังมีลมหายใจอยู่จะได้กลับมาอ่านเรื่องราวในอดีตบ้าง
ยามนั้นอาจจะได้อมยิ้ม หัวเราะ เขินอาย กระทั่งตัดพ้อเล็กๆ ว่า "เขียนเชยๆ เช่นนั้นได้ยังไงหวา"

พูดถึงเรื่อง "เงิน" ไม่ใช่ผมปฏิเสธนะ เพราะชีวิตอย่างผมนั้นก็เข้าขั้นคนจนเต็มตัว
เฮอร์เบิร์ต คาสสัน กล่าวไว้ว่า...มีวิธีได้เงินมา 3 ประการคือ
- ได้มรดก
- แต่งงานกับคนรวย
- ทำงานหามันมา
วิธีแรก เป็นอุบัติเหตุ เป็นโชค ไม่มีอะไรเกี่ยวกับทักษะหรือความสามารถ
ดังนั้น มันจึงเป็นวิธีที่ค่อนข้างไม่น่าพึงใจเสมอในการได้เงินแบบนี้
วิธีที่สอง บางทีก็เป็นโชค และบางทีก็เป็นทักษะ และบางทีก็เป็นเรื่องของความสามารถ
บางครั้งน่ายินดี บางครั้งน่าขยะแขยง
วิธีที่สาม ไม่มีวันมาจากโชค แต่เป็นทักษะ และความสามารถเสมอ
เป็นวิธีที่น่าพึงใจและก่อความนับถือตนเอง เกือบจะเป็นวิธีที่ยาก เต็มไปด้วยความลำบากเสมอ

เงินตราไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ดั่งที่สรรพสิ่งเป็นอยู่ในโลกนี้ 
เราทุกคนต้องมีเงินจำนวนหนึ่ง มิฉะนั้นก็จะอดตาย...

สำหรับผมแล้ว...ไม่เข้าข่ายหรือใกล้เคียงกับวิธีได้เงินมาทั้งสามประการเลย
แต่ก็พยายาม ทำงานหามันมา นะ พยายามดิ้นรนหางานตุหรัดตุเหร่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แม้นงานที่ผมหานั้นจะเป็น "งานฟรีแลนซ์" ก็ตามที แถมเป็นงานหนังสือที่ทุลักทุเลยิ่งยวด
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน รายได้แทบไม่พอในแต่ละเดือน ด้วยความไม่แน่นอนของปริมาณงานที่เข้ามา
ผมจึงต้องทยอยปัดฝุ่นหนังสือที่เก็บสะสมในห้องมาประกาศขายทางออนไลน์เพื่อพยุงชีวิตให้รอด
โดยไม่รู้ว่า...เมื่อไหร่ชีวิตจะลงตัว มีงานเข้ามาสม่ำเสมอ และจะทนอดอยากยากไร้ไปอีกนานแค่ไหน

ฉะนั้น ยามว่างของคนไร้งานประจำ เช่นผมนั้นจึงต้องเรียนรู้และเสาะหาช่องทางอื่นๆ ในการหาเงิน
ผมประจบสอพลอใครไม่เป็น ผมไม่มีเส้นสายใหญ่โต ทั้งผมก็พยายามหล่อเลี้ยงเพื่อความฝันเล็กๆ ของตัวเอง
ยามว่างๆ ผมจึงศึกษาเรื่องการทำเว็บ / การทำ SEO / การสร้างโอกาสเพื่อมีรายได้เสริม
พร้อมๆ กับการเขียนบล็อกบ่นและเล่าไปเรื่อยเปื่อยบ้าง

เจตนาหลักๆ ผมยังปรารถนางาน บรรณาธิการและพิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์ เช่นเดิม
ดังนั้น ยามว่างๆ ผมจึงได้ลองทำคลิปชิ้นนี้ขึ้น แล้วอัพโหลดขึ้น YouTube ซะเลย
ซึ่งเป็นความรู้เล็กๆ แสนสุขใจน้อยๆ ในวันคืนที่ไม่มีงานฟรีแลนซ์ให้ทำ...



กว่า ๑๕ ปี เบื้องหลังคนทำหนังสือ
สุดท้ายคือผู้วิเวกปัจเจกฝัน
ทั้งหัวเราะและร้องไห้ในคืนวัน
ชีวิตยังหมายฝ่าฟัน...ฝันต่อไป


4 ธันวาคม 2555

รู้ทั้งรู้ว่าทางนี้ที่เลือกนั้น...

อีกไม่ช้า...ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ก็จะผ่านไป ขณะที่อายุก็มากขึ้นอีกปี
แก่ชราไปตามลำพังอีกรอบ รอยตีนกามาเยือนยังนะ ผมหงอกกี่เส้นแล้วนี่
ที่สำคัญ...เงินในบัญชีนี่สิมีแต่ลดลงๆ กระทั่งไม่มีจะกดจะถอนล่ะ
ได้แต่วาดหวังว่าปีหน้าชะตาชีวิตคงโคจรสู่วิถีที่ดีๆ และง่ายงามบ้าง
ได้แต่ใฝ่ฝันว่าเดือนต่อไปและต่อไป จะมีงานฟรีแลนซ์เพิ่มขึ้น มีคนใจดีให้งานมาทำมากขึ้น

บางครา ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเลือกทางเดินชีวิตถูกไหม
เพราะหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาก็เลือกเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงมาตลอด
ทำงานด้วยความรัก ด้วยอุดมคติ ด้วยอัตตา และด้วยความซื่อสัตย์
ที่สุดก็ย่ำต๊อก เงินเดือนน้อย โดนเอาเปรียบ แล้วก็ไร้ความก้าวหน้าในอาชีพ
สงสัยผมคงมีบาปและมีกรรมกระมัง เลยต้องชดใช้และชาชินกับความจน

หรืออาจเพราะผมไร้ความทะเยอทะยาน คิดเล็กไม่คิดใหญ่ ไม่มีใครสอนให้รวย
ทั้งไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบและประหยัดมัธยัสถ์ บางอารมณ์ก็ฟุ้งเฟ้อหลงใหลไปกับวัตถุนิยม
สุรุ่ยสุร่ายในสิ่งไม่จำเป็น ขณะกระเหม็ดกระแหม่ในสิ่งที่จำเป็น หรือสมควรต้องใช้สอย
ด้วยสถานภาพโสดสนิทจึงใช้ชีวิตแบบไม่คำนึงถึงอนาคตเท่าไหร่นัก ตะบี้ตะบันใช้ชีวิต
สมัยทำงานประจำยามที่เงินเดือนออกทีก็สรวลเสเฮฮาและตะลอนเที่ยวดื่มกินวายวุ่น
ซึ่งทำให้บ่อยครั้งเสียการเสียงาน ตื่นไม่ไหว สำออยป่วยแล้วต้องลางานเป็นว่าเล่น

ณ ปัจจุบันนี้...สังขารโรยรา อายุมากขึ้น ความหนุ่มถดถอย และหัวใจร่วงร้าง
ผมเบื่อหน่ายกับรมณียสถานและสถานที่อโคจรซึ่งเกลื่อนเมือง
ผมกลายเป็นคนติดห้อง และอยากมีผืนดินไว้ทำแปลงสวนครัว ปลูกผักโน่นนี่
ผมเสียดายเวลาที่ผ่านไปในอดีตที่ทำตัวเหลวแหลก ทว่าไม่อยากนึกเสียใจในสิ่งที่ผ่านมา

รู้ทั้งรู้ว่าทางนี้ที่เลือกนั้น...มันขรุขระ กันดาร หฤโหด และอาจไร้ซึ่งความเห็นใจใดๆ
ผมไม่มีเส้นสาย เลียประจบใครไม่เป็น ไม่ชอบทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก
ผมก็ดุ่มๆ ดื้อๆ หางาน "ฟรีแลนซ์" แบบทื่อๆ บื้อๆ ไปแบบนี้แหละ
ผมทำงานหนังสือด้วยใจและความรับผิดชอบ แม้นว่าจะไม่มีคนเห็นค่าก็ตาม

เมื่อเลือกเดินสู่วิถีแห่งฟรีแลนซ์     
แม้นจะจนเหลือแสนก็มิหวั่น
เพราะหัวใจรักงานเขียน เพียรยืนยัน     

ตัวหนังสือคือความฝันอันพริ้มเพรา
รับจ้าง "พิสูจน์อักษร" ตะลอนทั่ว     

คิดราคาค่าตัวตามแต่จะเหมา
หรือจะคิดเป็นยกแบบย่อมเยา     

เชิญส่งเมลมาถามเราได้ทุกครา
"บรรณาธิการอิสระ" ก็ถนัดนัก    

เป็นงานที่แสนรัก ปรารถนา
ได้ขัดเกลา ได้นิ่งอ่านผ่านสายตา     

ได้ซึมซับหยั่งเนื้อหาก่อนใครหลายคน
รู้ทั้งรู้ว่าทางนี้ที่เลือกนั้น...     

เหมือนความฝันแสนลำเค็ญมิเห็นหน
ก็แค่ผู้อยู่เบื้องหลังดั่งต้องมนตร์     

ชีวิตจริงยังขัดสนร้างไร้เงิน
เมื่อก้าวสู่ถนนสายงานพาร์ทไทม์     

อาจมองเป็นงานง่ายงามแค่ผิวเผิน
แต่กว่าจะมีคนจ้างช่างยากเหลือเกิน    

ต้องเจียมอยู่เพื่อเผชิญความไม่แน่นอน...


chatcha26@hotmail.com
Tel. 08-4211-0526
.