31 มกราคม 2556

ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance จบ

ในที่สุดก็สิ้นเดือนอีกแล้ว     โอ้...ขวัญแก้วจอมใจในดวงจิต
อันความเป็นอยู่...ฤดูชีวิต     ยังหาเงินได้น้อยนิด มิรู้ทิศทาง
อาชีพฟรีแลนซ์แสนร้าวลึก   ยามเปลี่ยวดึกยังคร่ำเคร่งเพ่งตาถ่าง
ตรวจพิสูจน์อักษรก่อนรุ่งราง หลายคราอ่านถึงสว่าง ฟ้าเรืองรอง...

นี่แหละหนอ...กับวิถีที่เลือกเดินในอาชีพอิสระซึ่งยังไม่ลงตัวหรือใกล้เห็นแววเติบโตในอันใกล้
ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งที่ยากกำหนดหรือหยั่งรากฐานให้แน่นปึก
แล้วก็ยังหาความแน่นอนอันใดมิได้เลย พยายามอดทน ปลอบปลุก และมุ่งมั่นสู้มานะต่อไป...

ผ่านไปกับหัวเรื่อง ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance ทั้งสอนตอนแบบบ้านๆ ใครยังไม่ได้อ่านก็คลิกไป ณ ลิงก์ด้านล่างกันตามอัธยาศัย
(ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ^^)
ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance 1 
ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance 2
ซึ่งก็พยายามรวบรวบและเรียบเรียงให้พอเป็นสังเขป
ตามประสบการณ์เท่าที่มี ตามความเป็นจริงที่สุดแห่งชีวิต
โดยในตอบจบแบบไตรภาคนี้...
ใคร่ปรารถนาจะสรุปเก็บตกหรือขยายความเพิ่มเติมบ้าง


ตำแหน่งงาน หรืออาชีพ Proofreader (พิสูจน์อักษร) โดยปกติแล้วมักจะจ้างเป็นพนักงานประจำกัน
ไม่ว่าจะเป็นบริษัท สำนักพิมพ์ หรือผู้ประกอบการโรงพิมพ์ต่างๆ ต้องมีฝ่ายปรู๊ฟนั่งประจำอยู่ในออฟฟิศ
นัยว่าสามารถเรียกใช้ ให้งาน เร่งงาน ประสานงาน ติดต่อ หรือกำหนดงานเสร็จได้ง่ายขึ้น
( สังเกตกันบ้างไหมว่าคุณสมบัติที่เปิดรับสมัครงานตำแหน่ง Proofreader (พิสูจน์อักษร) นี้ 
นอกเหนือจากวุฒิการศึกษา เพศ อายุ และประสบการณ์แล้ว ก็จะมีระบุว่า...
รักการอ่าน เกลียดคำผิด สามารถทำงานภายใต้ระยะเวลาที่กำหนดและความกดดันได้ 
มีความรับผิดชอบสูง ทำงานเป็นทีมได้ หรือทำงานล่วงเวลาและนอนค้างออฟฟิศได้)
เพราะบางคราอาจมีงานด่วน งานเร่ง หรือช่วงมีงานหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ซึ่งสำนักพิมพ์ทั้งหลายต่างขมีขมันผลิตหนังสือเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากันเต็มที่
ทำให้งานในกอง บก. อาจทำไม่ทัน งานล้นคนน้อย จึงมีการจ้างคนนอกมาช่วยในรูปแบบของฟรีแลนซ์

หน้าที่ของ พิสูจน์อักษร นั้น ว่ากันตามตรง ถ้าปรู๊ฟงานเนี้ยบงานเจ๋งจนไม่มีคำผิดใดๆ ในหนังสือเลย
ก็เสมอตัว ยากจะมีคำชมเซ็งแซ่ให้ได้ยลยิน ทว่าคนทำงานก็สบายใจที่หนังสือไม่มีเสียงตำหนิติติง
แต่หากว่า...ปรู๊ฟหลุด มีคำผิด มีคนบ่นเรื่องการพิสูจน์อักษรที่พิมพ์ผิดหลายจุด อ่านแล้วเสียอรรถรส
ฝ่าย พิสูจน์อักษร ก็จำต้องก้มหน้าทำใจรับไปเต็มๆ พ็อกเก็ตบุ๊คพิมพ์ออกมาแล้วคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้
แม้นว่าความผิดพลาดในการปรู๊ฟที่เกิดขึ้นอาจมาจากตัวผู้ปรู๊ฟเอง ทว่าก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก
ไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับที่ต้องปิดภายในไม่กี่วัน งานที่ตรวจพิสูจน์แค่รอบเดียวหรือสองรอบ
หรืออาจเป็นขั้นตอนปิดเล่มที่พิสูจน์อักษรแค่เทียบตรงส่วนที่ปรู๊ฟสั่งแก้ เพื่อตรวจว่าได้แก้ไขจริง
แต่ฝ่ายจัดหน้าหรือศิลปกรรมเกิดเผลอหรือ accident ไปโดนคำที่ถูกต้อง หรือประโยคที่ไม่ได้สั่งแก้ใดๆ
หรือไปสั่ง change บางคำเพื่อความรวดเร็ว เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หนังสือเล่มนั้นๆ เกิดความผิดพลาดได้

ผมเชื่อโดยสุจริตใจเลยว่า...ไม่มีใครอยากให้หนังสือที่พิมพ์ออกมาแล้วเกิดตำหนิ หรือมีคนต่อว่าแน่
แม้นว่าในปัจจุบันนี้ จะมีโปรแกรมตรวจปรู๊ฟด้วยคอมพิวเตอร์มาช่วยงานแบ่งเบาก็ตามที
ซึ่งเจ้าโปรแกรมนี้สามารถช่วยงานฝ่ายพิสูจน์ฯ ได้ดีในระดับหนึ่งเท่านั้น
ก็มันไม่มีจิตใจ อารมณ์ และความรู้สึกนี่ คงตรวจเอา "ความ" หรือเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดไม่ได้หรอก

ในฐานะที่ผมพอมีประสบการณ์ในแวดวงการทำหนังสือมาร่วมๆ สิบกว่าปี...
แล้วเกิดวันหนึ่งวันใดในกาลข้างหน้าพอมีทุนทรัพย์ มีนายทุน หรือมีโอกาสได้นั่งแท่นบริหารสำนักพิมพ์
ผมก็คิดวางแผนและการจัดการในเรื่องขั้นตอนของฝ่าย พิสูจน์อักษร คร่าวๆ ไว้แล้ว
(แต่ขออุบกริบไว้ก่อน เผื่อจะได้นำมาเขียนลงในบล็อกนี้ในคราวหน้า)

กลับมาเข้าเรื่องสักเล็กน้อยที่ได้ติดค้างในตอนก่อนๆ กันเถิด
คือหลายเดือนมาแล้ว มีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งจะจ้างให้ปรู๊ฟงานแบบเหมาเป็นเล่มๆ
โดยทางนั้นได้เมลมาเสนอค่าปรู๊ฟให้ในราคาเล่มละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
อีกทั้งยังบอกว่าจะมีงานส่งมาให้ proof เรื่อยๆ หรือจะมีงานส่งให้ทำทุกๆ เดือน
ซึ่งผมก็ได้เมล์สอบถามกลับไปสองรอบว่า...500 บาทต่อเล่มนี่ หนังสือมีกี่หน้าและต้องปรู๊ฟกี่รอบ?!?
แนวหนังสือของที่นี่ก็นวนิยายไทยแนวรักๆ โรมานซ์ เฉลี่ยความหนาก็น่าจะสามร้อยหน้าอัพ
ทว่าก็ไร้เสียงตอบรับกลับมาใดๆ ทั้งผมก็ไม่กระตือรือร้นหรือคาดคั้นอยากรู้คำตอบเท่าไรนักด้วย

เพราะคิดว่า ถ้าจริงใจต่อกัน อยากให้ทำงานจริง และตรงไปตรงมา
ก็ควรที่จะตอบแจกแจงหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานให้มากขึ้น
เงิน 1 บาท 10 บาท 100 บาท หรือ 500 บาท ก็มีค่าทั้งนั้น
ผมไม่ได้หยิ่ง อหังการ์ ทรนงตัว แม้นจะจนหรือแทบไม่มีกินก็ตามที
กระนั้น ก็อยากทำงานด้วยความสบายใจ มีความสุข สนุกหรรษา
และพอใจกับอัตราค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้องาน ยุติธรรมซึ่งกันและกัน
ต่างฝ่ายต่างยอมรับกันได้ ต่างอยู่ด้วยกันได้...
"คุณอยู่ได้ เราก็อยู่ได้" ก็เท่านั้นเอง

ลองมาคิดกันแบบง่ายๆ สมมุติหนังสือเรื่อง ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร จัดอาร์ตเวิร์กมาได้ 304 หน้า
แล้วให้ค่าจ้างปรู๊ฟ (เอาแค่รอบเดียวพอ) 500 บาท ตกหน้าละบาทกว่าๆ
หนังสือ 304 หน้า จะใช้เวลาทำงานกี่ชั่วโมง? กี่วัน? ไหนจะค่าไฟ ค่าสึกหรอคอมพ์อีก
นี่ยังมิพักกล่าวถึงความเสื่อมทางสายตายามเพ่งอ่าน หรือความทรุดโทรมทางสุขภาพ
แล้วเป็นไปได้หรือที่พ็อกเก็ตบุ๊คหนาราวสามร้อยหน้า มีแต่ตัวอักษรล้วนๆ จะปรู๊ฟวันสองวันเสร็จ
ยิ่งถ้าปรู๊ฟรอบเดียวแล้ววันสองวันเสร็จ เชื่อเถอะ...คงมีคำผิด มีหลุด หรือทำงานแบบไร้คุณภาพ
งานเสร็จเป็นรูปเล่มแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นงานที่ดีและถูกต้องเสมอไปหรอกนะ

ยิ่งถ้าเราคิดจะยึดอาชีพฟรีแลนซ์เพื่อการดำรงชีวิต เพื่อความอยู่รอด
ไม่ใช่ทำคั่นเวลาว่าง ทำแบบขำๆ ชิวๆ หรือมีรายได้หลักทางอื่นๆ มาจุนเจือ
ก็ควรยิ่งต้องคิดให้หนัก มันไม่ใช่การดูถูกเงินทอง แต่เราก็ต้องมีมาตรฐานราคางานเช่นเดียวกัน
มาตรแม้นอาจมีคนที่รับทำและพอใจกับค่าจ้างที่ว่านั้น ทว่าไม่ใช่ผมคนหนึ่งแน่นอน
ในวงการหนังสือแคบๆ ของลักษณะงานฟรีแลนซ์เช่นนี้ การคิดค่าจ้างแบบ "ตัดราคา" ให้ถูกกว่า
ย่อมสามารถทำได้ เป็นสิทธิของแต่ละคน ยิ่งคิดราคาถูกแถมคุณภาพงานปรู๊ฟเปี่ยมล้นก็ดีไป...
แต่สำหรับผมแล้วไซร้ ก็อยากมีรายได้เพื่อที่จะดำรงชีพอยู่ได้ มีงานฟรีแลนซ์ป้อนเข้ามาให้ทุกๆ เดือน

ยังมีอีกประเด็นสำหรับอาชีพ พิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์ ที่ต้องเตรียมรับและเข้าใจไว้ ก็คือ...
ระยะเวลาที่จะได้เงิน หรือรายรับที่แน่นอน เพราะผู้ว่าจ้างแต่ละที่ต่างมีกำหนดการจ่ายไม่เหมือนกัน
บางที่ปรู๊ฟงานเสร็จแล้ว อีกสองสามวันถึงโอนเงินให้ ยิ่งเป็นหนังสือที่มีกำหนดปิดเล่มเร็วก็รับค่าตอบแทนไว
ขณะบางแห่งหนังสือเล่มหนึ่งอาจใช้เวลาสองสามเดือนในการดำเนินการ ซึ่งเรามิอาจไปกำหนดอะไรได้
เมื่อเจอแบบนี้ก็ต้องมีทุนทรัพย์เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจเตรียมรับสภาพทางการเงินที่ไม่แน่นอน
เช่น เริ่มรับงานปรู๊ฟหนังสือเล่มหนึ่งต้นเดือนมกราคม กว่าจะปรู๊ฟครบสามรอบ ไหนจะนักเขียนตรวจ
บก.เช็ก อาร์ตแก้ ทำปก หรือวาดภาพประกอบ อาจปาไปสิ้นเดือนกุมภาฯ หรือมีนาฯ ได้
แล้วยิ่งเป็นหนังสือที่ไม่ใช่เบสเซลเลอร์ ไม่ใช่นักเขียนดัง ไม่ใช่ซีรี่ส์ที่คนอ่านติดงอมแงม ฯลฯ
ทางสำนักพิมพ์หรือผู้ว่าจ้างก็อาจไม่เร่งปิดเล่มหรือพิมพ์จำหน่าย ด้วยต้องการเซฟรายจ่ายไว้ก่อน

ยิ่งเขียนก็ชักติดลมบน พิมพ์ๆ ไป ข้อมูลในสมองและความทรงจำก็หลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ
บางท่านอาจมองว่า อาชีพฟรีแลนซ์ นี่สบาย อิสระเสรี ลั๊นล้า นอนดึกตื่นสาย อยากทำงานตอนไหนก็ได้ 
ไม่ต้องอินังขังขอบกับสภาพฤดูกาลที่แปรเปลี่ยน ไม่ต้องเสียสุขภาพจิตกับปัญหาจราจรที่จอแจ
ซึ่งก็จริงส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญต้องมีความรับผิดชอบต่องานสูง ทำงานเสร็จได้ตรงกำหนดเวลา
คนที่เป็นพนักงานเงินเดือนอาจทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และหยุดวันนักขัตฤกษ์
ขณะที่คนยึดอาชีพฟรีแลนซ์อาจทำงานวันละ 10-18 ชั่วโมง วันเสาร์-อาทิตย์อาจไม่ได้หยุด
หรือบางเดือนแสนโชคร้ายอาจไม่มีงานฟรีแลนซ์ส่งมาให้ทำ ก็หมายถึงว่าเดือนนั้นจะไม่มีรายรับใดๆ

บางคราในบางเสี้ยวแห่งความรู้สึก ยามที่วันสิ้นเดือนเวียนมาถึง...
ผมยังหวนระลึกถึงครั้นสมัยที่ทำงานประจำ เป็นพนักงานกินเงินเดือนบ้าง
อย่างน้อยๆ ทุกๆ สิ้นเดือนก็ยังมีเงินเข้าบัญชีธนาคารที่แน่นอน มีรายรับที่เห็นๆ
มีเงินที่อาจใช้จ่ายหรือให้ความสุขกับชีวิตซึ่งคร่ำเคร่งเหน็ดเหนื่อยมาทั้งเดือนได้
ทว่า ณ ปัจจุบันนี้...ผมต้องปวดหัวเวียนเกล้ากับค่าผ่อนคอนโด ค่าหนี้บัตร ค่าไฟ ค่าน้ำ หรือค่าเน็ต ฯ
บางเดือนก็ผ่านพ้นไปได้ บางเดือนก็ร่อแร่ต้องหาหยิบยืมเงินจากคนอื่น บางเดือนแทบไม่มีจะกิน

ฟรีแลนซ์บางคนโชคดีมีวาสนาได้งานทำสม่ำเสมอ ได้ผู้ว่าจ้างที่มีน้ำใจงาม และรับค่าตอบแทนที่สูง
กระทั่งเดือนๆ หนึ่งสามารถทำงานแล้วรับเงินมากกว่าพนักงานประจำเป็นเท่าตัวด้วยซ้ำ 
ซึ่งไม่ใช่ผมแน่ๆ เพราะผมนั้นยังเป็น "ฟรีแลนซ์ที่ยากจนขัดสนที่สุด" เหมือนเช่นเดิม


LifeBook

.

24 มกราคม 2556

ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance 2

ยามที่พอมีเวลาว่างเว้นจากงานฟรีแลนซ์ (มีบ้างไม่มีบ้าง) จึงต้องกุลีกุจอมาอัพเดทบล็อกสักเล็กน้อย
ยิ่งผมทำบล็อกไว้ 4 บล็อก ย่อมทำให้เกิดความล่าช้าในการเขียนบล็อกเพื่อเพิ่มเนื้อหาล่าสุด
หลายๆ ครั้ง...สมองไม่แล่น อารมณ์ไม่พริ้ว พลันนึกเสกสรรถ้อยคำใดๆ ไม่ออกซะดื้อๆ

มาเข้าเรื่อง ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance ตอน 2 กันเถิดเอย...
หน้าที่ของ Proofreader หลักๆ คือ ตรวจสอบดูความถูกต้องของคำถูกคำผิด เรื่องของสำนวนภาษา
และรูปแบบการจัดหน้า ว่าหนังสือเล่มนี้มีสไตล์อย่างไร ประโยคไหนตัวหนา ถ้อยตอนใดตัวเอียง ฯ
โดยเครื่องมือสำคัญประจำตัวที่ต้องมีก็คือ "พจนานุกรมต่างๆ" และอาวุธในการทำงานก็คือ "สมาธิ"

จากบทความคราวก่อนหัวข้อ ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance 1 นั้น...
ได้พอเกริ่นๆ ลักษณะการทำงานของ พิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์ หรือ พาร์ทไทม์ ไปบางส่วน
ย้อนความคราวก่อน...โดยหลักๆ ของงานปรู๊ฟหนังสือจะมีอยู่ 2 แบบ คือ
หนึ่ง ปรู๊ฟจากกระดาษหรืออาร์ตเวิร์กที่ปริ๊นมา
สอง ปรู๊ฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ PC หรือโน้ตบุ๊ค



...
ในฐานะ "ผู้รับจ้าง" ที่แสนน่ารักและว่าง่ายก็ต้องสามารถรับงานได้ให้หลากหลายแนวด้วย
ไม่ว่าจะเป็นแนวโรมานซ์ กำลังภายใน รักหวานแหวว แฟนตาซี วิชาการ ฮาวทู หรือศาสนา ฯ
เพราะ "ผู้ว่าจ้าง" ทั้งบริษัท สำนักพิมพ์ หรือในนามส่วนตัว อาจต้องการผลิตหนังสือให้หลากแนว
ที่สำคัญถ้าเรามีความรู้ ความเข้าใจ หรือสนใจงานเขียนต่างๆ ก็ย่อมมีความได้เปรียบเป็นต่อคนอื่นๆ
ยิ่งมีต้นทุนประสบการณ์ ความชำนาญ คลังคำในสมอง ความละเอียดถี่ถ้วน และเข้าใจงานมากเท่าไร 
ก็ยิ่งปรู๊ฟได้ไว เสร็จตามกำหนด ส่งงานตรงเวลา และช่วยให้หลายฝ่ายทำงานได้ง่ายขึ้นมากเท่านั้น
ทั้งทำให้เรามีโอกาสที่จะได้งานเพิ่มด้วย แถมเรายังได้อ่านงานเขียนหลายแขนงขึ้นอีก

ขนาดหนังสือโดยทั่วไปที่ตีพิมพ์วางแผงกันนั้น จะมีขนาดดังนี้
- 16 หน้ายกธรรมดา ขนาด  13 x 18.5 cm
- 16 หน้ายกพิเศษ   ขนาด 14.5 X 21 cm
- 8 หน้ายกธรรมดา ขนาด 18.5 X 26 cm  
- 8 หน้ายกพิเศษ ขนาด 21 X 29.2 cm
แต่ยังมีอีกหลายขนาด เช่น 20 หน้ายก, 24 หน้ายก และ 32 หน้ายก
ซึ่งที่นิยมพิมพ์กันมากก็คือ พ็อกเก็ตบุ๊ค ขนาด 16 หน้ายกพิเศษ นี่เอง

แล้ว "ราคา" หรือค่าเหนื่อย "ค่าจ้าง" สำหรับอาชีพ พิสูจน์อักษรอิสระ คิดกันยังไงล่ะ--?
ติ๊กต่อกๆ...ใคร่ขอแบ่งเป็น 3 ประเภทละกัน น่าจะประมาณนี้ :
1. คิดราคาแบบเหมาเป็นเล่มๆ ไป
2. คิดราคาเป็นหน้าๆ
3. คิดราคาเป็นยก (ส่วนใหญ่จะให้ค่าเหนื่อยในการปรู๊ฟเป็นยก)

ทีนี้ ลองมาลงรายละเอียดอย่างกว้างๆ คร่าวๆ กัน
1. คิดราคาแบบเหมาเป็นเล่มๆ ไป 
งานปรู๊ฟหนังสือแบบรวมเหมาเป็นเล่มๆ นี้ ผมไม่ค่อยเจอน่ะ ทว่าเคยรับงานมาชิ้นหนึ่งแนววิชาการ
แต่ก็เคยมีบางสำนักพิมพ์ได้เสนอราคาเหมาๆ มาให้ (โคตรถูก...ไว้จะบอกในตอนหน้า) 
การคิดเหมานั้นต้องดูความยากง่ายและความหนาของเนื้อหาหนังสือด้วย รวมทั้งงานเร่งเสร็จหรือไม่
ผู้ว่าจ้างมีกำหนดเวลาให้ปรู๊ฟงานเท่าไหร่ ต้องการให้ตรวจกี่รอบ เราต้องไปรับและส่งงานเองไหม
โดยเรื่องราคาแบบเหมาก็อยู่ที่ทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันเอาเอง หากพอใจกันและกันก็รับทำไปโลด...
ซึ่งไม่แน่ว่าการรับงานพิสูจน์แบบเหมาเป็นเล่มอาจได้ค่าตอบแทนที่ดีกว่าแบบเป็นหน้าหรือยกก็ได้

2. คิดราคาเป็นหน้าๆ
บางแห่งก็มีมาตรฐานกำหนดราคาคิดให้เป็นหน้า ซึ่งคำว่า "หน้า" นั้นหมายถึงหน้าที่จัดรูปเล่มแล้ว
โดยขนาดกี่หน้ายกก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็น 16 หน้ายกพิเศษ หรือ 8 หน้ายกธรรมดา หรืออื่นๆ
ต้องตกลงราคากันให้ดีให้เข้าใจก่อนรับงาน เพราะค่าเพ่งจะคุ้มกับการถ่างตานั่งอ่านๆ ตรวจๆ หรือไม่
นึกภาพง่ายๆ... 16 หน้ายกก็คือพ็อกเก็ตบุ๊ค ส่วน 8 หน้ายกก็ไซส์นิตยสาร
Size หรือขนาดที่ต่างกัน ปริมาณตัวอักษรก็ย่อมต่างกันด้วย รวมถึงฟอนต์ที่ใช้อีก
แต่ถ้าเจองานที่มีรูปภาพประกอบเยอะๆ ตัวหนังสือน้อยๆ ก็ดีไป อ่านสบายๆ แป๊บๆ หมดหน้าแล้ว
สนนราคาค่าจ้างน่าจะตกอยู่ที่ หน้า ละ 10 - 30 บาท (ราคากว้างๆ กลมๆ นะ)
และแน่นอนว่า...ต้องเป็นหน้าที่จัดอาร์ตเวิร์กเสร็จสรรพพร้อม proof แล้วโดยแท้
ฉะนั้น การคิดราคาเป็นหน้าๆ นี้ไม่ยุ่งยากเลย หนังสือเล่มนั้นมีกี่หน้าก็เอาราคาคูณเข้าไป
เช่น หนังสือเรื่อง ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร จัดอาร์ตมาได้ 160 หน้า ผู้ว่าจ้างให้หน้าละ 20 บาท
ก็เอา 160 x 20 แล้วจะเป็นจำนวนเงินที่จะได้รับเหนาะๆ

3. คิดราคาเป็นยก 
ส่วนมากและส่วนใหญ่แล้วจะให้ค่าตอบแทนในการพิสูจน์อักษรเป็นยกๆ ไป
ต้องมาทำความเข้าใจเรื่อง "ยก" กันนิด อย่างเช่น
- 16 หน้ายกพิเศษ ก็หมายถึงว่า 1 ยก มี 16 หน้า
-  8 หน้ายกพิเศษ ก็หมายถึงว่า 1 ยก มี 8 หน้า
สมมติหนังสือเล่มหนึ่งขนาด 16 หน้ายกพิเศษ จัดหน้าแล้วได้ 160 หน้า ก็เท่ากับ "10 ยก" นั่นเอง
สนนราคาค่าปรู๊ฟน่าจะตกอยู่ที่ ยก ละ 100 - 500 บาท (ราคากว้างๆ กลมๆ นะ)
เช่น หนังสือเรื่อง ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร จัดอาร์ตมาได้ 10 ยก (160 หน้า) ผู้ว่าจ้างให้ยกละ 200 บาท
ก็เอา 10 x 200 แล้วจะเป็นจำนวนเงินที่จะได้รับเห็นๆ

อีกประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ งานแต่ละเล่มจะให้ ปรู๊ฟกี่รอบ!!! 
บางที่อาจแค่สองปรู๊ฟ บางแห่งก็สามปรู๊ฟ และอาจมีบางเจ้าขอปรู๊ฟ word 1 รอบ + artwork 2-3 รอบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า...ยิ่งปรู๊ฟมากรอบเท่าไร ความผิดพลาดก็ย่อมลดน้อยลงเท่านั้น
อ่านหลายเที่ยว พิสูจน์อักษรหลายรอบ ทำให้สามารถเก็บตกและเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น
แล้วก็ทำให้หนังสือเล่มนั้นๆ ผลิตเป็นรูปเล่มออกมาได้อย่างสมบูรณ์ถูกต้องที่สุด
ทำงานให้เสร็จๆ ไปนั้นไม่ยากหรอก ทว่าจะทำเช่นไรให้งานนั้นเสร็จและออกมาดีที่สุดด้วยนี่แหละ
ไม่ใช่ที่โน่นที่นั่นส่งงานมาให้ปรู๊ฟพร้อมๆ กันสามสี่ที่ก็รับไว้ทั้งหมด เพราะอยากได้เงินมากๆ
ขณะทุกที่ก็เร่งงานและมีกำหนดเวลาเสร็จใกล้เคียงกัน แถมเจอหนังสือเนื้อหายากๆ หนาๆ 
คงได้อ่านกันตาถลน อดตาหลับขับตานอน สมองเบลอ กระทั่งปรู๊ฟพลาด ปรู๊ฟหลุด...
ฉะนั้น ต้องคุยกับผู้ว่าจ้างให้ดี จัดสรรงานให้เหมาะ เรียงลำดับงานที่เร่งน้อย หรือเร่งมากที่สุดไว้ด้วย

หวังว่าบทความเรื่องนี้คงพอเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สนใจอยากทำงานอิสระด้านหนังสือได้บ้าง
ซึ่งการที่เราอยากกำหนด "ราคาค่าพิสูจน์อักษร" ด้วยมาตรฐาน ISO ของตัวเองนั้น...คงยาก
หากเราตั้งราคาปรู๊ฟไว้สูงลิบ โดยขอคิดเรทหน้าละ 50 บาท หรือยกละ 600 บาท แบบนี้
ทว่าทางผู้ว่าจ้างให้ได้แค่หน้าละ 20 บาท หรือยกละ 200 บาท เจอเช่นนี้เราจะรับงานไหมล่ะ?

ไว้บทความคราวหน้าค่อยมา เล่าไปเรื่อยเปื่อย กันต่อ...แบบไตรภาค

เชิญอ่านตอนสุดท้าย >> ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance จบ

.

14 มกราคม 2556

ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance 1

ผ่านไปอีกรอบและอีกปีสำหรับ "วันเด็กแห่งชาติ" พร้อมๆ กับคำขวัญที่อีกไม่ช้าก็ลืมเลือน
"รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน"
คำขวัญวันเด็กดูเหมือนจะเป็นเพียงประโยคสวยหรูตามธรรมเนียมทุกๆ ปี
ขณะที่ในทางปฏิบัติ หรือการนำไปใช้นั้นกลับขาดประสิทธิภาพและไร้ความจริงจัง

วันเด็กผ่านไป...ขณะชีวิตวัยผู้ใหญ่ต้องอยู่ ต้องกิน ต้องขับถ่าย ต้องใช้ และก็ต้องหายใจต่อไป...
หากไม่มีงาน ไม่ทำงาน นั่งๆ นอนๆ งอมืองอเท้า แล้วจะมีเงินมาดำรงชีพหรือสร้างตัวได้ยังไง
ยิ่งเกิดเป็นคนจนข้นแค้น พ่อแม่แค่คนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีสมบัติพัสถานหรือมรดกมหาศาลอันใด
ก็ยิ่งต้องขวนขวาย เผชิญสู้ ฝ่าฟันเพื่อสร้างฐานอนาคตไว้ยามชราภาพ หรือเพื่อลูกหลาน
วาสนาคนเราไม่เท่ากัน ขณะโชคชะตาก็แตกต่างกัน ชีวิตจึงมีชนชั้นและฐานันดร--

"ตอนนี้ทำงานอะไร?" เป็นคำถามที่ผมไม่รู้จะตอบเช่นไร หรือบอกกล่าวแจกแจงยังไง
ด้วยตัวเองนั้นสิ้นสภาพความเป็นมนุษย์เงินเดือนมาปีนิดๆ
โดยเหิมเกริมริปลดโซ่ตรวนจากการเป็นพนักงานประจำอย่างสิ้นเชิง
ทำนองว่า...ตอนนี้ชีวิตตรูอิสระเสรีแล้วเหวย เป็นเจ้านายของเวลาบ้างแล้วหวา
ไม่ต้องสะดุ้งตื่นแต่เช้าเพื่อรีบรุดกระวีกระวาดไปตอกบัตรให้ทันเวลาเข้าออฟฟิศ
ไม่ต้องยัดทะยานในรถไฟฟ้า แย่งเบียดเสียดในรถไฟใต้ดิน หรือห้อยโหนบนรถโดยสารประจำทาง
ทั้งไม่ต้องอะไรต่อมิอะไรให้วายวุ่นมากมายกับวิถีแห่ง "พนักงานประจำ" ในยุคมายานิยมและวัตถุนิยม

"ตอนนี้ทำงานอะไร?"
...ก็ทำงานอยู่กับห้อง นอนดึกตื่นสาย ยามมีงานก็ทำ ไม่มีงานส่งมาให้ทำก็จำต้องว่างพิรี้พิไร
บางทีก็ทำงานตอนกลางคืนยันดื่นดึก บางวันก็นอนอุตุแล้วตื่นบ่ายๆ ซึ่งแล้วแต่ว่างานนั้นๆ เร่งแค่ไหน
ด้วยบางครั้งอาจมีงานฟรีแลนซ์ส่งมาพร้อมๆ กัน เจ้านั้นก็เร่งจะปิดเล่ม...เจ้าโน้นก็จะเอาพรุ่งนี้...
ก็แหม...รับงาน บรรณาธิการอิสระ, บรรณาธิการฟรีแลนซ์ หรือ บรรณาธิการพาร์ทไทม์ นี่น่า
ทั้งยังรับงานอย่าง พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ หรือ พิสูจน์อักษรพาร์ทไทม์ ด้วย
หรือเรียกให้โก้เก๋แลดูมีสง่าราศีสักหน่อยก็ทำงาน Outsource ครับ
จึงทำให้ยามที่มีงานส่งเข้ามานั้น ในฐานะฟรีแลนซ์ที่น่ารักก็ต้องจัดสรรเวลาทำงานให้ดี
เพราะอาชีพบรรณาธิการ หรือพิสูจน์อักษรนั้น มันเกี่ยวข้องกับตัวอักษร ภาษา ความรู้ และความเข้าใจ
คงไม่ใช่ทำแบบสุกเอาเผากิน หรือได้เห็นความผิดพลาดยามหนังสือตีพิมพ์เป็นเล่มแล้ว

วกมาเข้าเรื่องตรงประเด็นเกี่ยวกับ ราคาค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์ กันดีกว่า
ซึ่งผมขอบอกเล่าสนนราคาค่าจ้างอาชีพนี้แบบกว้างๆ ตามประสบการณ์จริงไม่อิงนิยายใดๆ

เมื่อผมตัดสินใจเต็มตัวว่าจะหางานอิสระเกี่ยวกับหนังสือทำนั้น...
สารภาพตามตรงเลยว่าไม่ได้คิดวางแผนชีวิตหรือกำหนดเป้าหมายอันใดเลย
ดุ่มๆ หางานฟรีแลนซ์โดยที่ไม่ได้เอาราคาค่าจ้างหรือเงินตอบแทนเป็นเรื่องหลักเพื่อได้งาน
คิดและฝันเพียงว่าขอให้มีงานเกี่ยวกับหนังสือหรือตัวอักษรส่งมาให้ทำเท่านั้น แบบโหยหาเฝ้าถวิล
ซึ่งเท่าที่สืบค้นหาข้อมูล "ราคาการจ้างงานปรู๊ฟฟรีแลนซ์" นั้น มักไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งผู้ว่าจ้างหรือสำนักพิมพ์ ทั้งเงื่อนไขในการทำงานของแต่ละที่...

ทีนี้...ก็มาค้น เคาะ แกะ ก่น และแบ่งปันบอกเล่าประสบการณ์ในอาชีพนี้กัน
ซึ่งผมจะพยายามเรียบเรียงและนำเสนอให้อ่านเข้าใจง่ายที่สุด (พยายามจริงๆ)
เริ่มแรก...ของวิชาชีพอิสระนามไพเราะว่า พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ (Proofreader)
โดนลักษณะงานของผู้ว่าจ้างหรือให้งานมาทำนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ
หนึ่ง ปรู๊ฟจากกระดาษหรืออาร์ตเวิร์กที่ปริ๊นมา
สอง ปรู๊ฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ PC หรือโน้ตบุ๊ค
(ปัจจุบันอาจเริ่มมีการจ้างปรู๊ฟงานประเภท E-book บ้างแล้ว)


เชิญล้อมวงมาทำความรู้จักลักษณะงานปรู๊ฟหนังสือทั้งสองแบบ...แบบบ้านๆ กัน

- ปรู๊ฟจากกระดาษหรืออาร์ตเวิร์กที่ปริ๊นมา
เป็นงานพิสูจน์อักษรจากหน้ากระดาษ A4 ตามปกตินี่แหละ
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นงานที่ฝ่ายศิลปกรรมหรือฝ่ายจัดรูปเล่มที่ได้ทำการโปรยจัดหน้าออกมาเสร็จสรรพ
จากนั้นก็ปริ๊นเป็นแผ่นๆ แล้วส่งมาให้ปรู๊ฟ (พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์) ซึ่งเท่าที่ผมรับงานแบบนี้มานั้น
ส่วนใหญ่ทางผู้ว่าจ้างจะให้แมสเซนเจอร์ควบมอเตอร์ไซค์คู่ชีพนำมาส่งให้ถึงที่ถึงห้อง
ทว่าบางแห่งก็ต้องเดินทางไปรับงานจากบริษัทที่ว่าจ้างในคราแรกเช่นกัน
เพราะอาจต้องมีการพูดคุยหรือทำความเข้าใจกับเนื้องานแต่ละเล่มๆ ให้ตรงกันก่อนเริ่มปฏิบัติงาน
หรือบางที่อาจต้องการให้เราเข้าไปช่วยปรู๊ฟที่บริษัท หรือสำนักพิมพ์ในวันที่ปิดเล่มก็มี

- ปรู๊ฟจากหน้าจอคอมพ์หรือโน้ตบุ๊ค 
ในยุคปัจจุบันนี้ บางบริษัท บางสำนักพิมพ์ ก็จะส่งงานมาทางอีเมลให้
ส่วนใหญ่ไม่ต้องพบเจอหน้ากัน คุยกันทาง MSN ทางเมล์ หรือทางโทรศัพท์เท่านั้น
ซึ่งผู้รับจ้างอย่างผมก็ต้องทำการโหลดไฟล์งานมาเก็บไว้เพื่อจัดการพิสูจน์อักษรให้ถูกต้อง
โดยงานปรู๊ฟจากหน้าจอนั้น...จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความรู้เรื่องโปรแกรมดังนี้
* โปรแกรม word ฟังก์ชัน Track change
* โปรแกรม Adobe Acrobat Pro เพื่อแก้ไขไฟล์ pdf. ได้
บางที่อาจปรู๊ฟงานแค่โปรแกรมเวิร์ดเท่านั้น ซึ่งคงไม่ยุ่งยากเท่าไหร่นัก
ทว่าถ้าคิดอยากยึดอาชีพ พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ จริงๆ จังๆ ก็จำเป็นต้องปรับตัวตามยุคเช่นกัน
มิเช่นนั้นแทนที่จะรับงานจากที่โน่นที่นี่ได้เพิ่มขึ้น ก็อาจมาติดขัดและอดงานเพราะใช้โปรแกรมบางอย่างไม่เป็น
ที่สุดแทนที่จะมีรายได้มากขึ้น หรือได้งานหลักๆ จากบางแห่งบางเจ้า ก็จะชวดอดไปแบบน่าเสียดาย

^^
ไว้ค่อยมาต่อคราวหน้าเนอะ...

ว่าเขาจ้างหรือให้ราคาค่าเหนื่อยในการปรู๊ฟหนังสือกันยังไง
ต้องทำใจว่าไม่มีราคาตายตัวแน่นอน ประเภทที่หวังเจอค่าปรู๊ฟสูงลิ่วๆ นั้นหายาก
หรือรับงานหนึ่งๆ มาแล้วเราจะพอใจอิ่มเอมกับรายได้ไปทุกๆ งานหรอก
แถมแต่ละที่ก็ให้ราคาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ด้วยต่างก็มีมาตรฐานค่าจ้างกันอยู่แล้ว
เอาเป็นว่าคราวหน้าจะมาบอกกล่าวเล่าสู่กันต่อ...

ติดตาม >> ค่าจ้างงานพิสูจน์อักษร Freelance 2 ได้ ณ บัดนี้




7 มกราคม 2556

ดวงราศีมีนปีนี้

เดือนแรกของปี ๒๕๕๖ ได้ฤกษ์เบิกโพสต์สำหรับบล็อกเล่าไปเรื่อยเปื่อยซะที
ปีใหม่กับชีวิตที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะดำเนินไปเช่นไร จะดีหรือร้าย หรือจะทุกข์เคราะห์หนักกว่าปีที่แล้ว
คำตอบส่วนหนึ่งนั้นคงอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้กำหนดเองด้วย มันสมองและสองมือคืออาวุธเบื้องต้น

ปีมะเส็ง หรือ 'มะเส็งเล่นน้ำ
ทางหลักโหราศาสตร์เรียกว่า "งูเห่าน้ำ"
ตามปกติผมไม่ค่อยชอบดูดวง ดูลายมือ
หรืออยากให้ใครมาทำนายทายทักเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
แม้นไม่เชื่อนัก ทว่าก็ไม่คิดลบหลู่หมิ่นแคลนใดๆ 
บางทียังแวบอ่านๆ เรื่องดวงตามหนังสือพิมพ์บ้าง ตามเว็บบ้าง
อาจเพราะติดนิสัยมาแต่วัยเด็กที่พออ่านออกเขียนได้ 
แล้วผู้เฒ่าผู้แก่แถวบ้านชอบเอ่ยปากให้ช่วยอ่านดวงให้ฟัง
สมัยนั้นก็อ่านจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกับเดลินิวส์ 
ยิ่งวันหวยออกยิ่งครึกครื้นเพราะจะได้เอาเลขดวงไปแทง...


เผอิญท่องเว็บไปเรื่อยเปื่อยแล้วพลันพบสกู๊ปของข่าวไทยรัฐออนไลน์เข้า
เห็นข่าวพาดว่า 'ปีมะเส็ง งูพ่นไฟ ผ่าดวง 2556...!' หมอดูไฮโซ ทศพร ศรีตุลา (หมอช้าง)
ก็อดใจไม่ไหวด้วยอยากรู้ดวงของตัวเองในปีนี้ว่าจะเป็นอย่างไร--?

ตัวผู้เขียนบล็อกนั้นเกิด ราศีมีน (Pisces) เป็นราศีสุดท้ายของจักราศี (Zodiac signs)
ธาตุน้ำ ดาวครองราศีคือดาวเนปจูน

ราศีมีน ผู้ที่เกิดระหว่างช่วงวันที่ 15 มีนาคม – 13 เมษายน 

การงาน
เกณฑ์การทำงานในปี 2556 จะมีความสบายใจมากขึ้น เพราะจะเป็นปีที่ได้พ้นเคราะห์พ้นโศกแล้ว
ปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ปีนี้จะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่เจ้านายมากขึ้น
ได้รับมอบหมายให้ได้ดูแลงานสำคัญๆ สำหรับคนที่อยากจะลงทุนทำธุรกิจจะมีโอกาส
และได้รับความช่วยเหลือจนเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งอาจจะดูวุ่นวายไปบ้างในช่วงแรก
แต่สุดท้ายก็จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
รวมถึงคนที่อยากจะขยับขยายธุรกิจจะมีช่องทางให้เกิดรายได้ มีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมตั้งแต่ต้นปี
อีกทั้งดวงในการติดต่อเจรจาจะราบรื่น แต่ถ้าผ่านพ้นช่วงกลางปีไปแล้ว
เกณฑ์ดวงในการทำงานจะถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง มีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งแวดล้อม
หรือนโยบายต่างๆ แต่ถ้าบางคนดวงแรง อาจจะถึงขั้นเปลี่ยนงานเปลี่ยนสถานที่กันเลยก็ได้
ยังไงก็วางแผนชีวิตเผื่อไว้ล่วงหน้าด้วยและบางช่วงบางเวลา ต้องขอเตือนให้ระวัง!
การตัดสินใจ อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงาน กลายเป็นความผิดพลาดตามมา
ดังนั้นเมื่อเรารู้ดวงล่วงหน้าคงต้องรีบหาทางแก้เคล็ดเสริมดวง หาทางแก้ไขรับมืออย่างมีสติ

การเงิน
ดวงการเงินแรง! และโดดเด่น ปี 2556 นี้มีเกณฑ์การเงินที่ดี
มีโอกาสได้รับเงินก้อนใหญ่ หรืออาจจะได้รับโอนที่ดิน ทรัพย์สินมรดก
สำหรับคนที่ทำธุรกิจลงทุนมีเกณฑ์จะได้กำไรผลตอบแทนที่ดีเข้ามาด้วยเช่นกัน
มีช่องทางในการค้าขายมากขึ้น เผลอๆ จะได้ยอดสั่งซื้อตามมาอีกเพียบ!
ดวงในปีนี้จะนำพารายได้ที่ดีเข้ามามากเป็นพิเศษ
แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือการจับจ่ายใช้สอย ถ้าไม่มีสติในการใช้เงินอาจจะทำให้หมดไปได้รวดเร็วในพริบตา
เมื่อได้เงินมาก็ควรต้องแบ่งไปทำบุญบริจาคบ้าง หรือเก็บออมไว้บ้างเพื่ออนาคต
แต่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงคือการพนัน ปีนี้ดวงดาวไม่ส่งเสริมและอาจจะทำให้เกิดหนี้สินพัวพันตามมาได้อีก

ความรัก
ด้วยจังหวะดวงที่พ้นเคราะห์ไปแล้ว จะส่งเสริมให้คนโสดมีโอกาสได้พบได้เจอคนที่ถูกใจ
และได้สานต่อความสัมพันธ์ที่ดี มีเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือที่ดีจากเพื่อนฝูง
แนะนำคนดีคนใหม่ๆ ให้ได้รู้จักตั้งแต่ช่วงต้นๆ ปี
แต่อาจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องการใช้ชีวิต หรือมีอายุที่ต่างกันเยอะพอสมควร
กระนั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคปัญหาของความรัก ถ้ารับได้และมีความรู้สึกที่ดีต่อกันก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
แต่สำหรับหลายคนที่มีคู่มีแฟนแล้ว ต้องระวังปัญหาในการจัดสรรเวลา
ปีนี้อาจจะมีเวลาเจอกันน้อยลงจนบั่นทอนความสัมพันธ์ให้แย่ลง
โดยรวมแล้วสามารถปรับความเข้าใจกันได้ แต่คงต้องใช้เวลาง้องอนกันนานหน่อย
บางช่วงดวงจะแรงมากขึ้น ส่งผลให้คนรักกันอาจจะแรงใส่กันได้ทั้งคู่
ถ้าสามารถผ่านจุดนี้ไปได้...รับรองว่าปีนี้จะมีความสุขไม่แพ้ปีที่ผ่านมาแน่นอน

สุขภาพ
จังหวะดวงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่เจ็บป่วยอยู่แล้ว
จะได้รับการรักษาที่ดี มีโอกาสหายจากโรคภัยต่างๆ
สำหรับดวงอุบัติเหตุยังคงต้องระวังอยู่ เพราะเกณฑ์ดวงแรง
อาจจะส่งผลให้เกิดการเจ็บเนื้อเจ็บตัวได้ง่ายๆ แนะนำการทำบุญไหว้พระ
ปล่อยสัตว์น้ำปล่อยปลาจะส่งเสริมดวงชะตาหนุนดวงได้ดีเป็นอย่างดีและจะช่วยผ่อนหนักให้เบา
เชื่อว่าปี 2556 จะเป็นปีที่จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาให้เกิดความสุขสมหวัง

***

คงต้องใช้เวลาดูกันต่อไปว่าจะแม่นและตรงเพียงใด
โดยเฉพาะเรื่องการงานและการเงิน ขณะเรื่องความรักและสุขภาพก็น่าติดตามเช่นกัน
ส่วนราศีอื่นๆ ก็ลองไปค้นหากันดูตามอัธยาศัยแห่งปัจเจกกันเอง
ไม่เชื่อ...อย่าลบหลู่!

.