21 สิงหาคม 2555

Tired เหนื่อยล้าและเจ็บร้าว

ช่วงนี้ ทั้งสภาพร่างกาย ความรู้สึก หรือจิตใจช่างห่อเหี่ยว เหนื่อยล้า และหดหู่เหลือแสน
ยิ้มน้อยลง หัวเราะน้อยลง ขณะซึมเศร้ามากขึ้น วังเวงมากขึ้น
กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ มือก่ายหน้าผากแล้วครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย
กลางวันดูเหมือนเวลาเดินอืดอาด หายใจอย่างไร้คุณค่า หมกตัวอยู่แต่ในห้องอย่างเดียวดาย


ตื่นสาย... นอนดึก... บางทีก็นอนตอนแสงแรกอรุโณทัยเบิกฟ้า
วงจรชีวิตวนเวียนซ้ำซากวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ที่สุดก็ผ่านพ้นไปอีกเดือน
เช็กเงินในบัญชีธนาคาร เห็นตัวเลขยอดเงินคงเหลือแล้วหวั่นใจละเหี่ย
เงินลดลงทุกเดือนและทุกวัน จากหลักหมื่นลดพรวดมาหลักพัน
และอีกไม่นานคงเหลือหลักร้อย ที่สุดก็ไม่มีเงินจะกดถอน
มื้อนี้...ไข่เจียวหรือไม่ก็ปลากระป๋องอีก นับเป็นกับข้าวมื้อที่หรูแล้วสำหรับคนไม่มีเงิน
บางวันแค่น้ำพริกกระปุกหนึ่ง หรือตำน้ำพริกกะปิถ้วยหนึ่ง หรือทำพริกน้ำปลาถ้วยหนึ่งก็อิ่มได้
พร่ำบอกตัวว่า "ไม่เป็นไร" เดี๋ยวก็ดีขึ้น อดทนหน่อยนะ ทว่าในใจกลับเหนื่อยเพลียและเจ็บร้าว
ยามส่องกระจกเห็นตัวเองแทบตกใจ ไยผ่ายผอมและดูโทรมยิ่ง

เรามาทำอะไรอยู่ในกรุงเทพฯ เมืองแสนศิวิไลซ์นี่นะ

พลันคิดถึงเพลง "Moon Shadow" ของ Cat Stevens ขึ้นมา ทว่ากลับรางเลือน แผ่วไกล
เลยพึมพำเพลง "เงาดวงจันทร์" ของ อารักษ์ อาภากาศ แทน...

ฉันเดินทางตามเส้นทางของดวงจันทร์ ตามเส้นทางของดวงจันทร์
ประสบหรือพลาดหวังตามแต่เงาของท่าน ตามแต่เงาของท่าน

ถ้าหากฉันเพียงแต่ขาดแขนไป หมดน้ำใจขาดที่พึ่งพิง
หากฉันเพียงแต่ขาดแขนไป...
โอย...ฉันคงไม่ต้องไปทำงาน คงไม่รู้จักทำงานด้วย

ถ้าหากฉันเพียงแต่ขาดแก้วตา มองหนใดไม่นำพา
หากฉันเพียงแต่ขาดแก้วตา.. 
โอย..ฉันคงไม่ต้องนั่งร้องไห้ คงไม่รู้จักร้องไห้...

Yes, I'm being followed by a moonshadow
Moonshadow, moonshadow
Leaping and hopping on a moonshadow
Moonshadow, moonshadow

And if I ever lose my hands
Lose my plow, lose my land
Oh, if I ever lose my hands
Oh, if - I won't have to work no more

And if I ever lose my eyes
If my colors all run dry
Yes, if I ever lose my eyes
Oh, if - I won't have to cry no more...

.