ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวคริสต์
นั่นก็คือ วันวาเลนไทน์ Valentine
วันวาเลนไทน์ หรือวันนักบุญวาเลนไทน์ หรือที่รู้จักกันว่า "วันแห่งความรัก" นั้น
เป็นวันที่คู่รักจะบอกความในใจของกันและกัน อาจจะโดยการส่งการ์ด มอบดอกไม้ มอบตุ๊กตา
หรือพากันไปท่องเที่ยวในสถานที่หวานแหววโรแมนติกสุดประทับใจ
สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์คือ เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน
โดยมีร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน
ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า...
เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)
***
ช่วงนี้...ชีวิตยังวุ่นๆ หลายอย่าง ตรุษจีนก็กลับไปบ้านเพื่อไหว้บรรพบุรุษ
ครั้นกลับมาถึงเมืองหลวง เปิดเมล์ก็มีงานฟรีแลนซ์ส่งมาให้ทำสองเรื่อง
ทำให้ไม่ใคร่มีเวลามาอัพบล็อก หรือลงขายหนังสือมือสองที่ร้าน Life Book
อีกทั้ง "ปลวก" ก็ยกทัพมาราวีหนังสือตามชั้นถึงในห้อง มันกัดกินหนังสือเสียหายไปหลายเล่ม
ซึ่งก็ตั้งใจว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ทว่าคงต้องจัดการเรื่องงานให้หมดห่วงและเสร็จสิ้นก่อน
ฉะนั้น จึงขอเอาเนื้อหาของ นิยาย ที่ริเริ่มลองเขียนมาลงให้อ่านคั่นเวลาไปพลางๆ
ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเขียนจนจบเป็นเล่มๆ ได้หรือไม่...ทว่าที่ลองเขียนนั้น
เพราะมีความรู้สึกรู้สาอะไรบางอย่างที่ฉาบฉวย ตะขิดตะขวงใจกับบางสิ่งที่เป็นไป...
ลองๆ ฝืนใจอ่านกันดู หรือไม่อ่านก็แล้วแต่ตามเจตจำนง (ยังต้องขัดเกลาอีก แค่ร่างๆ ไว้)
หมายเหตุ : อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ไม่ควรอ่าน เพราะอ่านหนังสือเรียนดีกว่าครับ
นิยายรักไม่มีชื่อ
บทนำ
อากาศในห้องสวีทของโรงแรมระดับหรูกลางเมืองหลวงหนาวกำลังพอเหมาะ ท้องฟ้านอกผนังกระจกขนาดใหญ่บานใสมืดสลัวคล้ายว่านางฟ้าดึงม่านสีดำบังซ่อนความงามไว้ ขณะในห้องมีเพียงแสงนวลเรื่อจากโคมไฟเหนือหัวเตียงสาดรางๆ ชายหนุ่มนอนตะแคงมองใบหน้าขาวเนียนของหญิงวัยสามสิบปลายๆ อย่างพินิจ จวบสามเดือนแล้วที่ทั้งสองคบหาและมีสัมพันธ์สวาทกัน หากแต่ความสัมพันธ์นั้นหาใช่ความรักฉันหนุ่มสาวคราวเบญจเพศเช่นทั่วไป เพราะวัยที่ห่างกัน ฐานะก็ต่างกัน ตลอดจนวิถีชีวิตที่ต่างกัน จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้สถานภาพของทั้งสองถูกตีขอบเขตแค่คู่นอนยามเหงาเปล่าเปลี่ยวเท่านั้น
ชายหนุ่มขยับกายเล็กน้อยแล้วหอมหน้าผากมนของหญิงวัยกลางคนอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเธอจะตื่น ลมหายใจหอมละมุนรินรดหน้าอกแกร่งทำให้เขาอยากจุมพิตริมฝีปากสวยยิ่งนัก แม้ผู้หญิงที่นอนหลับพริ้มพักตร์ตรงหน้าอายุจะใกล้เลขสี่ก็ตามที ทว่าความสวยยังฉายฉานแจ่มยิ่งกว่าสาวแรกดรุณี รูปร่างทรวดทรงก็บอบบางอรชรน่าเชยชมพรมไล้ ผิวพรรณขาวละเอียดดุจหิมะธิเบต ทั้งหน้าอกก็ยังยั่วยวนเต่งตึงเต็มมือ
“อ้าว เอกตื่นแล้วเหรอคะ นี่ตีไรแล้วล่ะ” ระรินเอ่ยถามเสียงงัวเงียก่อนจะซุกหน้าแนบอกชายหนุ่มอย่างหวงหา
เอกวัฒน์หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางที่วางไว้หัวเตียงมากดดู “ตีสองแล้วครับ รินนอนต่อเหอะ พรุ่งนี้มีประชุมที่บริษัทนี่” เขาบอกแล้วแย้มยิ้มอ่อนโยนขณะเอามือลูบผมยาวนุ่มสลวยของคนนอนข้างๆ
“ใช่ค่ะ ประชุมตอนบ่ายๆ รินรู้สึกหนาวยังไงไม่รู้ อยากให้เอกกอดรินแบบนี้ทุกคืนจัง อบอุ่นดี” ร่างบางพูดจบก็แหงนศีรษะรับริมฝีปากของชายหนุ่มที่ประทับจูบชิวหาความหวานล้ำ ลิ้นแลกลิ้นแล้วดูดดื่มอย่างใคร่กระหาย เอกวัฒน์ลูบไล้แผ่นหลังเนียนนวลก่อนเลื่อนลงไปขยำก้นนิ่มงามงอนเบาๆ เขาถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากเรียวสวยเพื่อเลื่อนลงมาไซ้ซอกคอระหงด้วยแรงราคะที่คุกรุ่น ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองกอดก่ายแนบชิดกันใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่มสีขาว ระรินเริ่มหายใจติดขัดเพราะไฟราคีเร่าร้อนถูกจุดโชนขึ้นอีกครั้ง
“ตัวรินหอมจังครับ หอมดั่งกุหลาบแย้มบานยามเช้า ผมปรารถนาในตัวคุณเหลือเกิน” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีรัตติกาลรำพึงเสียงสั่นเครือ
“เอกน่ะปากหวานอีกแล้ว รินก็มีความสุขมากเลย อา ช่างรู้ใจรินจริงๆ แบบนี้รินคงหลงรักเอกหมดใจแน่ อือ...” ระรินพึมพำพลางครางครวญเมื่อเอกวัฒน์เคลื่อนมือตะปบเคล้นขยำปทุมถันชูชันเต็มแรง ขณะปากก็เลื่อนลงขบเม้มทรวงอกสล้างอีกข้างอย่างตะกรุมตะกรามและถวิลโหยหา ปลายลิ้นหนาตวัดเลียเนื้อเนินอกขาวราวกับกระหายมาแรมปี เขาดูดเน้นหนักหน่วงจนเกิดรอยจ้ำแดงกระจายทั่วดอกบัวคู่สวย บัดนี้อารมณ์พิศวาสของทั้งคู่โหมกระหน่ำดุจพายุคลั่งในมหาสมุทรก็มิปาน
“ผมก็มีความสุขเช่นกันครับ คุณเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชีวิตผมเลย โอว หน้าอกงามนัก รินจ๋า ผมจะปรนเปรอให้คุณมีความสุขอีกรอบนะ” เมื่อหนุ่มวัยอ่อนกว่ากล่าวจบก็ไล้ลิ้นเลียมาตามเนื้อหนังหน้าท้องแบนราบ แล้วค่อยๆ ดำดิ่งลงหาเนินสวรรค์อวบอูมหวานหยาดเยิ้ม มือคลึงบี้ปลายถันหมายจะพาหญิงร่างระหงล่องลอยสู่วิมานฉิมพลีที่พร่างพราย รสสัมผัสแสนวาบหวามทำให้เธอครวญครางอู้อี้อืออาในลำคอ เป็นเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขรัญจวนสยิวซ่าน กระทั่งเขาซุกหน้าละเลงลิ้มร่องฉ่ำที่ปกคลุมด้วยปุยไหมนานเนิ่นจนร่างเนียนบิดเร่าแทบขาดใจแดดิ้น
“เอกจ๋า...รินทนไม่ไหวแล้ว รินต้องการเอกเหลือเกิน” เสียงร้องกระเส่าปลุกเร้าอารมณ์ทำให้ชายหนุ่มเริงโรจน์เร่าร้อน โดยไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำ มือแกร่งทั้งสองข้างพลันจับเรียวขางามแยกออกทันใด เขาสอดใส่สัญลักษณ์ของบุรุษเพศเข้าสำรวจหลืบถ้ำแห่งความเร้นลับและน่าค้นหา แล้วโถมตัวทาบทับเหนือร่างบางก่อนจะค่อยๆ กระแทกให้เร็วขึ้นและแรงขึ้น ความสุขสมเสน่หาลอยอบอวลเลอค่าไปตามลีลาร่วมรักที่ร้อนแรง ทั้งสองแลกจูบกันอย่างกระสันลึกล้ำ แต่ละท่วงท่าเฉียดใกล้ภาวะจุดสุดยอดหลายครั้งหลายครา ทว่าทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมเสร็จถึงฝั่งฝัน ต่างอ้อยอิ่งและปรารถนาตักตวงอารมณ์ในห้วงโลกีย์ให้ยาวนานเพื่อรอจะเดินทางไปสู่ฟากฟ้าปลายฝันร่วมกัน
“ริน...ผมใกล้แล้ว คุณต้องเป็นของผมคนเดียวนะ อูว” เอกวัฒน์สูดปากขณะเร่งจังหวะให้กระชั้นหนักขึ้น ระรินตอบสนองทันใดโดยกระหวัดขารัดเอวแกร่งเพื่อหยั่งลึกถึงลำเนื้อความเป็นชายไว้แน่น ชายหนุ่มรีบประกบปากดูดกลืนเสียงร้องร่ำที่ใกล้ทะลักล้นของฝ่ายหญิงทันที ต่างฝ่ายต่างกอดรัดกันแน่นเตรียมเติมเต็มให้กันและกัน และแล้วทั้งสองก็บิดร่างเกร็งก่อนจะทะยานหวิวถึงจุดหฤหรรษ์พร้อมกันในที่สุด
ระรินนอนอ่อนระทวยหมดแรงและหอบหายใจระโรย เธอมองชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีที่นอนเคียงข้างด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุขอย่างยากบรรยายด้วยบทกวีใดๆ ใบหน้าหล่อเข้มดุจเทพบุตรช่างคมคายสมชายชาตรี คิ้วดกดำโค้งโก่งเป็นคันศรพระราม จมูกโด่งเป็นสันสอดรับกับเรียวปากอิ่มได้รูป ผิวสีน้ำผึ้งแบบคนไทยขนานแท้ แถมร่างกายก็กำยำแข็งแรงดั่งนักรบโบราณ เห็นแล้วทำให้ยากจะอดใจอยู่นิ่งเฉยได้ อยากสัมผัสเคลียคลอทั้งวันทั้งคืน ระรินมองชายหนุ่มที่ไว้ผมรากไทรปรกไหล่สีดำขลับอย่างหลงใหลปลาบปลื้ม เกิดความรู้สึกว่าอยากให้เขาเป็นของเธอคนเดียวตลอดไป
“เอกรักรินบ้างไหมคะ หรือแค่ชอบเรื่องบนเตียงเท่านั้น” ร่างขาวเปลือยกระซิบถามข้างหูก่อนจะหอมแก้มหนุ่มรุ่นน้องฟอดหนึ่ง
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งชั่วครู่ด้วยไม่มีถ้อยคำใดจะตอบให้กระจ่างแจ้ง เหมือนว่าความรู้สึกต่างๆ นานาวิ่งพล่านไร้ทิศทางและไร้ทำนองจะบอกกล่าว
“ไม่รู้สิ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมรักใคร” เอกวัฒน์ตอบเนือยๆ ด้วยรู้สึกอ่อนเปลี้ย จากนั้นเขาก็โอบแขนกอดระรินเพื่อให้ไออุ่น แผงอกหนาเบียดชิดหน้าอกอวบคู่สวยแทบหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน
“รินคงแก่เกินกว่าที่เอกจะรักสินะ หรือไม่ก็คงอายเวลาเดินควงกับหญิงอายุคราวพี่คราวแม่ เรื่องนี้รินเข้าใจดี” น้ำเสียงคนพูดสื่อออกมาเสมือนประชดประชันและเจือความน้อยใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น รินยังดูสาวดูสวยเสมอ หน้าตาก็อ่อนกว่าวัย หุ่นยังเซ็กซี่น่าฟัด แถมเวลาคุณยิ้มก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต้องเหลียวมองกันขวับ รินยังดูไม่แก่เลยนะ ดูสิ ไม่เห็นมีตีนกาสักรอยเลย” ตอนนี้ชายหนุ่มตื่นเต็มตาแล้ว ความง่วงงุนปลาสนาการหายเป็นปลิดทิ้ง
“ทำมาเป็นปากหวานพูดเอาใจ รินไม่หลงกลหลงคารมเอกง่ายๆ หรอก ถามจริงๆ เอกรู้สึกยังไงกับรินกันแน่” คนถามนิ่งรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ
“เออ...คือ...ก็รู้สึกดีครับ ดีมากๆ เลย แบบว่า...เออ...ยามอยู่ใกล้รินแล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก” เอกวัฒน์อ้ำอึ้งตอบแล้วกระชับอ้อมกอดที่โอบร่างเปลือยแน่นขึ้น
“แค่นี้เหรอ เอาเป็นว่ารินไม่อยากรู้ล่ะ งั้นปิดไฟนอนกันดีกว่า จะตีสี่แล้ว น่าจะหลับได้สักสองสามชั่วโมง เดี๋ยวจะตื่นสายกัน พรุ่งนี้ช่วงหัวค่ำยังต้องไปงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทเพื่อนรินอีก เอกไปด้วยกันไหมล่ะ” ระรินเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วลองออกปากชวนแบบทีเล่นทีจริง
“คุณก็รู้นี่ว่าผมไม่ชอบงานสังคมแวดวงไฮโซพวกนี้ ขี้เกียจปั้นหน้ามารยาสาไถย คุณไปคนเดียวเหอะ ผมขออยู่ห้องทำงานดีกว่า ลูกค้าเจ้าหนึ่งอยากเปลี่ยนโลโก้ใหม่ งานเร่งซะด้วยสิ” ชายหนุ่มหาเหตุผลปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจคนชวน เพราะตั้งแต่รู้จักคบหากันมาร่วมสามเดือน ระรินได้เอ่ยชวนเขาออกงานสังคมต่างๆ หลายครั้ง ซึ่งเขาก็บอกปัดหรือปฏิเสธไปทุกครั้งเช่นกัน
ที่จริงระรินรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าเขาจะพูดเช่นไร ทว่าเธอก็อยากชวนดูเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจอยากออกงานสังคมบ้าง
“แบบนี้ทุกที พ่อคนมีโลกส่วนตัว ชวนไปงานไหนๆ มักหาเหตุไม่ว่างตลอด แต่พอชวนดื่มหรือชวนเข้าโรงแรมกลับว่างแทบจะทันทีทันใด สงสัยรินเป็นแค่ที่บำบัดความใคร่ชั่วคราวของเอกเท่านั้นมั้ง” ระรินตัดพ้อด้วยความน้อยใจเต็มประดา
“ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ว่างจริงๆ รินอย่าคิดมากสิ ผมง่วงแล้ว เรานอนกันเถอะ” เอกวัฒน์พยายามตัดบทดื้อๆ เพราะรู้ว่าอธิบายไปก็เปล่าประโยชน์ คุยไปคุยมาเดี๋ยวลงเอยด้วยการทะเลาะกันแน่ๆ ทั้งไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับร่างเพรียวบางที่นอนกอดอยู่สักเท่าไร
“นอนก็นอน ถ้าเอกตื่นช่วยปลุกรินด้วยนะคะ”
“ได้ครับ จะปลุกตอนเจ็ดโมงเช้าเลย พร้อมกาแฟร้อนๆ หอมกรุ่นตั้งรอ แต่ตอนนี้ขอจุ๊บปากรินก่อนหลับสักหน่อย เห็นปากคุณทีไร ผมแทบคลั่งทุกที อยากประคองจูบให้นานแสนนาน” เขาโน้มหน้าลงมาจูบปากเธอทันที มือพลันเลื่อนมาเกาะกุมหน้าอกนูนผ่องของคู่นอนต่างวัยอย่างเคยชิน
“ฝันดีนะคะ พ่อคนมีโลกส่วนตัว” ระรินกระซิบกระซาบหลังจากที่เขาถอนจุมพิต
“ฝันดีจ้า คนงาม” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ
..........