28 พฤศจิกายน 2555

ลอยกระทงปีนี้แสนเหงา

วันลอยกระทง ปีนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ซึ่งประเพณีลอยกระทงนั้น ตามตำนานการลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก
โดยวันลอยกระทงจะจัดขึ้นในทุกวันเพ็ญเดือนสิบสองของปี เป็นวันที่น้ำเต็มตลิ่ง และเป็นวันสว่าง


การลอยกระทงมีวัตถุประสงค์ด้วยกัน ๒ ประการ คือ
เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางท้องที่ถือว่าลอยกระทง
เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เนื่องในโอกาสที่พระพุทธองค์ได้ไปแสดงธรรมในนาคภิภพ
และทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที
เพื่อบูชาพระแม่คงคา เป็นการแสดงการขอบคุณน้ำ
เพราะมนุษย์เราอยู่ได้เพราะน้ำ ตั้งแต่โบราณกาลมา
ชุมชนทั้งหลายเวลาสร้างบ้านสร้างเมือง ต่างก็เลือกที่ติดแม่น้ำ
ดังนั้นถึงเวลาในรอบหนึ่งปี ก็เลือกเอาวันเพ็ญเดือนสิบสอง
เพื่อระลึกว่าตลอดปีที่ผ่านมา เราได้อาศัยน้ำในการดำรงชีวิต

ในสมัยเด็กๆ ยามอยู่ต่างจังหวัดนั้น...บ้านผมอยู่ในโรงงานน้ำตาล
ผมจำได้ว่าพ่อจะไปหาตัดต้นกล้วยพร้อมใบตองเพื่อนำมาให้แม่ทำกระทงแบบง่ายๆ
พอหัวค่ำก็ยกโขยงไปที่คลองเพื่อลอยกระทง จุดธูปจุดเทียนแล้วตั้งจิตอธิษฐานก่อนปล่อยกระทงลอย
ตอนนั้นอาจมีการตัดเล็บตัดผม หรือใส่เหรียญสลึง เหรียญบาท เหรียญห้าลงในกระทงด้วย
และก็จะมีเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม หรืออายุน้อยกว่า 
เด็กเหล่านี้จะไปลงน้ำดักรอเพื่อเอาเหรียญต่างๆ ทั้งช่วยพากระทงไปส่งกลางลำคลอง

เมื่อพ่อแม่ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้วัด...ด้วยโรงงานขอบ้านและที่คืน
พ่อก็ยังไปหาตัดต้นกล้วยพร้อมใบตองเพื่อนำมาให้แม่ทำกระทงเช่นเดิม
เพียงแต่ไม่ได้ทำเพื่อให้คนในครอบครัวเอากระทงไปลอย ทว่าทำกระทงเพื่อถวายวัด
ด้วยทุกๆ ปีนั้น วัดที่อยู่ใกล้บ้านจะมีงานลอยกระทง เพื่อจัดงานหาเงินเข้าวัด
พ่อกับแม่ก็ตามประสาคนแก่ รักที่จะนั่งหลังขดหลังแข็งช่วยกันทำกระทงเพื่อเป็นบุญกุศล
ซึ่งทางวัดจะจัดงาน มีหนังกลางแปลงมาฉาย โดยมีพ่อของผมเป็นโฆษกในงาน
กระทงที่ทำถวายวัดก็ไว้ให้ผู้คนในชุมชนมาซื้อตามกำลังทรัพย์และศรัทธา เพื่อนำไปลอยในแม่น้ำแม่กลอง

หลายสิบปีที่ผ่านมา...ผมได้เข้าอยู่อาศัยและทำงานในเมืองหลวง
บางปีอาจได้กลับบ้านไปลอยกระทง ได้ช่วยพ่อแม่ทำกระทงถวายให้ทางวัดบ้าง 
ขณะที่อีกหลายปีแทบไม่ได้กลับไปเยือนและไปร่วมลอยกระทงกับที่บ้านเลย
เฉกเช่นปีนี้...ที่ผมจ่อมจมอยู่ในกรุงเทพฯ นั่งทำงานอยู่ในห้องอย่างเดียวดายและเงียบเหงา
ฟังเสียงพลุดังเป็นระยะๆ แว่วเสียงคนข้างห้องชักชวนกันไปลอยกระทงอึงมี่...

หลายคนอาจเลือกลอยกระทงออนไลน์ก็ได้ แต่ผมไม่รู้สึกอิ่มใจและสนุกชื่นเท่าได้ลอยกระทงในน้ำจริงๆ
ความรู้สึกยามมือได้สัมผัสน้ำในแม่น้ำนั้นช่างยากจะบอกกล่าว มันเป็นอารมณ์ที่โหยหาอะไรบางอย่าง
เสมือนชีวิตนั้นขาดหายจากวันวัยเก่าๆ ห่างไกลจากบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ

วันลอยกระทงปีนี้...นับเป็นอีกปีที่เหงาบาดใจ เหงาเหลือแสน และเหงากว่าทุกปี
นั่งทำงานไปก็ฟังเสียงพลุไป แล้วก็ล็อกอินเข้ามาเขียนบันทึกในบล็อกนี้
เล่าไปเรื่อยเปื่อยอย่างเหงาๆ ตามประสาคนไร้คู่ ไร้หญิงสาวเคียงใจ
พร้อมกับวาดหวังและนึกฝันว่า...วันลอยกระทงปีหน้าคงไม่เหมือนเช่นดังปีนี้อีกนะ

ลอยกระทงปีนี้...
เป็นอีกปีที่ใจฉันนั้นเหงาหนัก
ข้างกายแสนหนาวหม่นไร้คนรัก
ฉันเหมือนอยู่ในอาณาจักรที่ไม่รู้
คิดถึงวัยวันครั้นเก่าก่อน
จึงจดใจจารบทกลอนแสนหดหู่
ภายในห้องมืดมิด ปิดประตู
นอนคร่ำครวญคุดคู้อยู่เดียวดาย...