22 กุมภาพันธ์ 2556

เลือกผู้ว่าฯ กทม. เลือกใครดี?

ช่วงๆ นี้เหมือนเช่นเคยยามที่มีงานฟรีแลนซ์ทยอยเข้ามาให้รับใช้ เรียกใช้บริการ
จึงไม่ค่อยมีอารมณ์กลั่นกรอง ไม่มีเวลาจดจาร และไร้จินตนาการจะกดแป้นพิมพ์
แม้นว่าพอจะมีประเด็น มีโครงเรื่องบางอย่างในสมองที่อยากจะเขียนเพื่อเล่าสู่กันฟังบ้าง
กระนั้นก็หมดพลังด้วยเหนื่อยล้าจากการงาน หรือเวล่ำเวลาที่ถูกดูดกลืนจนมิอาจอัพเดทบล็อกได้
ทว่าก็อยาก "ขอบคุณ" ผู้ว่าจ้างทั้งหลายที่ให้ความไว้วางใจและให้งานมาทำด้วยความมั่นใจ
บางแห่งก็น่ารักและใจดีกรุณาส่งงานพิสูจน์อักษร (Proofredder) มาให้อย่างสม่ำเสมอทุกๆ เดือน
เพราะเมื่อมี 'งาน' ทำก็หมายถึงมี 'เงิน' เพื่อจะมีลมหายใจอยู่ในโลกใบนี้ต่อไปได้...

ผมเชื่อว่า...คงมีหลายๆ ท่านและหลายๆ คนอยากหลุดพ้นจากการเป็น "พนักงานประจำ"
ย่อมมิปรารถนากระวีกระวาดตื่นเช้ารีบเดินทางเพื่อไปทำงานให้ทันเวลาตอกบัตร 
บางบริษัทอาจไฮเทคโดยการสแกนลายนิ้วมือบันทึกเวลาเข้าและออกงาน
ขณะบางคนมีรถส่วนตัวก็อยากได้ความสบายแม้นจะสิ้นเปลืองค่าน้ำมัน 
ส่วนคนไม่มีรถเป็นของตนเองก็อาจใช้บริการรถสาธารณะหลายต่อและหลายสาย
ยิ่งวิถีชีวิตในเมืองหลวงที่แออัดยัดเยียดและสภาพการจราจรที่แสนติดวินาศสันตะโร
ทำให้จำต้องเสียเวลาอยู่บนท้องถนน เสียเงินกับค่าเดินทาง และเสียสุขภาพจิตยามรถติดหนึบ
ซึ่งรถก็น่าติดอยู่หรอก ในเมื่อใครๆ ก็อยากมีรถยนต์ส่วนตัวกัน ขณะท้องถนนนั้นมีเท่าเดิม
แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุล่ะ? หรือฝนตกกระหน่ำหนักเล่า? หรือไม่มีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน?

หลายๆ ครั้ง...หลายๆ หน...ผมก็ให้รู้สึกแปลกแยกและแปลกเปลี่ยวในเมืองหลวง 
เห็นตึกสูงตระหง่านชูประชันผงาดประหนึ่งจะประกาศความยิ่งใหญ่เทียมฟ้า
เห็นแผงลอยริมทางเท้าตั้งระดะแลดูเกะกะทำให้คนเดินต้องก้าวฉวัดเฉวียน
เห็นน้ำในลำคลองเป็นสีดำหมองและสารพัดขยะลอยเอื่อยพะเยิบพะยาบ
เห็นผู้คนมากมายหลายลักษณะต่างเร่งรีบและแข่งขันกันทำงานหาเงิน
เห็นหนุ่มสาววัยเล่าเรียนศึกษาอยู่กันเป็นคู่ๆ หรือมีเซ็กซ์ก่อนวัยอันสมควร
แล้วก็เห็นอะไรต่อมิอะไรอีกหลากหลายสารพัน ทั้งแง่ร้ายและแง่งาม ทั้งน่ารักและน่าร้องไห้...


เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะมี การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑๐ แล้ว
เท่าๆ ที่ตามข่าวสาร ดูเหมือนว่าจะเป็นสงครามชิงเมืองหลวงของพรรคการเมืองสองพรรค
โดยคนกทม. ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งและออกเสียงจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของมหานครแห่งนี้
หรือจะเกิดปาฏิหาริย์ปรากฏว่า ผู้สมัครอิสระชนะด้วยคะแนนท่วมท้นจนได้เป็นผู้ว่าฯ
...คำตอบคงรู้ใน วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 แน่ๆ

ถึงแม้นว่าผมจะไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านมาเป็นคนเมืองหลวงเต็มขั้น
แต่ก็อาศัยอยู่กินและทำงานหาเงินในมหานครแห่งนี้มาร่วมๆ ๑๗ ปีแล้ว
ลึกๆ ผมมองว่า...กรุงเทพฯ เสมือนคนป่วยไข้ ซึ่งนับวันก็ป่วยทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
ถ้าพินิศในด้านความศิวิไลซ์ ความเจริญ ความทันสมัย หรือความรุ่งเรืองแล้วละก็
คงเห็นชัดตรงปัจจัยภายนอก หน้าตา สภาพแวดล้อม ตลอดจนเครื่องอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ
กล่าวแบบซื่อๆ ก็คือ เจริญรุ่งโรจน์ทางด้านวัตถุกับเทคโนโลยี นั่นเอง
แน่นอนว่า...กรุงเทพฯ มีคอนโดฯ เพิ่มขึ้น สูงขึ้น มีหมู่บ้านจัดสรรมากขึ้น มีรถราหนาตามากขึ้น
แล้วก็มีอาชญากรรม การฆาตกรรม ยาเสพติด และมีสถานบันเทิงเริงรมย์มากขึ้นด้วย

กรุงเทพมหานคร ต้องการหมอ...
หรือก็คือ ผู้ว่าฯ เพื่อมาเยียวยา รักษา และผ่าตัดคนไข้ที่ชื่อ "กรุงเทพฯ"
ทั้งควรเผ็นผู้ที่พร้อมจะเสียสละและทำประโยชน์เพื่อคนกรุงจริงๆ
บริหารงานและใช้อำนาจที่มีอย่างเป็นธรรม ตรงมาตรงไป ต้องรับใช้ประชาชนมากกว่าเล่นเกมการเมือง
ไม่มีสี ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และก็ต้องแก้ปัญหาอย่างตรงจุดถูกประเด็น ฯลฯ

แต่ถ้าผมมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครล่ะ--?
ผมจะเลือกใครดี จะพิจารณากาให้ใครอย่างไร จะลงคะแนนที่ตัวบุคคลหรือเลือกพรรค?
จะไตร่ตรองดูที่นโยบายสวยหรูหรือความเป็นไปได้จริง หรือจะงดออกเสียงให้รู้แล้วรู้รอดดีหนอ...
ไว้บทความต่อไป...ผมจะมาบอกกล่าวกัน...