ก็ขอแสดงความยินดีกับผู้สมัครที่ได้รับความไว้วางใจและคะแนนเสียงให้ดูแลเมืองหลวง
หวังใจว่าอีก ๔ ปีนับจากนี้ไป...กรุงเทพฯ คงมีสุขภาพที่ดีขึ้น งามขึ้น และน่าอยู่มากขึ้น
Open Life บล็อกที่บรรเลงร่ายแบบเงอะงะ ขรุขระ สะเปะสะปะ และไร้ศิลปะ
คิดๆ อยู่ว่าจะอัพเดทเรื่องอะไรดี? เรื่องปลวกกัดกินหนังสือที่เคยเกริ่นๆ ก็อยากพักไว้ก่อน
เท่าๆ ที่สมองขี้เลื่อยน้อยๆ คิดออกก็อยากเขียนถึงเรื่อง "งานฟรีแลนซ์" เกี่ยวกับหนังสืออีก
ประมาณว่า...ถ้าอยากทำงานฟรีแลนซ์ เป็นฟรีแลนซ์แห่งการงานจริงๆ จะเริ่มต้นยังไง และหางานที่ใด
ไม่ใช่การทำงานผ่านเน็ตวันละสองสามชั่วโมง หรือประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์
หรือเจ้าหน้าที่โปรโมทสื่อโฆษณา หรืองาน Online ส่งเมล หรือจะโอนเงินให้ทุกวันที่นั้นที่นี้
โอ้ย...สมอง ไฉนเมลแบบนี้ขยันส่งกันมาจริงๆ ส่งมาได้ทุกๆ วันซะด้วย (เห้ออออ)
วันนี้...ได้อ่านข้อความที่แชร์มาจาก facebook
เรื่องหนึ่งที่ให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เอมอาบในอารมณ์
จำได้เลาๆ ว่าเคยอ่านผ่านๆ ตามาแล้ว เมื่ออ่านจบ--
ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมอยากทำงานฟรีแลนซ์อยู่กับห้อง
หรืออยู่กับบ้าน แม้นผมจะยังไม่มีเมีย ไม่มีลูกก็ตาม ทว่ามีคนรัก
ทว่าก็เล็งเห็นและให้ความสำคัญกับสถานะความเป็นครอบครัว
หลายคนอาจอยู่นอกบ้านมากกว่าในบ้าน
หรือทำงานหนักเหนื่อยจนไม่มีเวลาให้กับลูกๆ
มาอ่านเรื่องราวที่เกริ่นๆ กันเถอะ ซึ่งชื่อเรื่องคือ 20 เหรียญ กับคนที่มีค่าที่สุดในชีวิต
เพราะเท่าที่ลองค้นๆ ดูนั้น เรื่องสั้นๆ นี้น่าจะมาจากหนังสือ ความรักทรงกลม
***
ชายหนุ่มคนหนึ่งเลิกงานและกลับเข้าบ้านช้า ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
และพบว่าลูกชายวัย 5 ขวบรอคุณพ่ออยู่ที่หน้าประตู
ลูก "พ่อครับ ผมมีคำถามถามพ่อข้อหนึ่งน่ะ"
พ่อ "ว่ามาสิลูก, อะไรเหรอ"
ลูก "พ่อทำงานได้เงินชั่วโมงละเท่าไหร่"
"ไม่ใช่กงการอะไรของลูกนี่, ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ" พ่อตอบด้วยความโมโห
"ผมอยากรู้จริงๆ โปรดบอกผมเถอะ พ่อทำงานได้เงินชั่วโมงละเท่าไหร่" ลูกพูดร้องขอ
พ่อ "ถ้าจำเป็นจะต้องรู้ละก็ พ่อได้ชั่วโมงละ 20 เหรียญ"
"โอ.." ลูกอุทานพลันคอตก แล้วพูดกับพ่ออีกครั้ง
ลูก "พ่อครับ ผมอยากขอยืมเงิน 10 เหรียญ"
พ่อกล่าวด้วยอารมณ์
พ่อ "นี่เป็นเหตุผลที่แกถาม เพื่อจะขอเงิน แล้วไปซื้อของเล่นโง่ๆ
หรืออะไรที่ไม่เข้าท่าหรอกเหรอ รีบขึ้นไปนอนเลยนะ แล้วลองคิดดูว่าแกน่ะ
เห็นแก่ตัวมาก พ่อทำงานหนักตั้งหลายๆ ชั่วโมงทุกวัน
และไม่มีเวลาสำหรับเรื่องเด็กๆ ไร้สาระอย่างนี้หรอก"
เด็กน้อยเงียบลง ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องนอนแล้วปิดประตู
ชายหนุ่มนั่งลงและยังโกรธอยู่กับคำถามของลูกชาย
ลูกกล้าที่จะถามคำถามนั้น เพื่อจะขอเงินได้อย่างไร
หลังจากนั้นเกือบชั่วโมงอารมณ์ชายหนุ่มก็เริ่มสงบลง
และเริ่มคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปกับลูกชายตัวน้อย
บางทีลูกอาจจำเป็นต้องใช้เงิน 10 เหรียญนั้นจริงๆ
และลูกก็ไม่ได้ขอเงินเขาบ่อยนัก ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นไปบนห้องนอนของลูกแล้วเปิดประตู
พ่อ "หลับหรือยังลูก"
ลูก "ยังครับ"
พ่อ "พ่อมาคิดดู เมื่อกี้พ่ออาจทำหรือพูดรุนแรงกับลูกเกินไป
นานแล้วนะที่พ่อไม่ได้คลุกคลีกับลูก เอ้า นี่เงิน 10 เหรียญที่ลูกขอ"
เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจ
ลูก "ขอบคุณครับพ่อ"
ว่าแล้วลูกชายก็ล้วงลงไปใต้หมอนหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา แล้วนับช้าๆ
ผู้เป็นพ่อเห็นดังนั้นก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง
พ่อ "ก็มีเงินแล้วนี่ แล้วมาขออีกทำไม"
ลูก "เพราะผมมีไม่พอครับ แต่ตอนนี้ผมมีครบแล้ว
พ่อครับ ตอนนี้ผมมีเงินครบ 20 เหรียญแล้ว ผมขอซื้อเวลาพ่อชั่วโมงหนึ่ง
….พรุ่งนี้พ่อกลับบ้านเร็วๆ นะครับ ผมอยากกินข้าวเย็นกับพ่อ…"
***
ชีวิตของคนเราเติบโตขึ้นมาด้วยการหล่อเลี้ยงของความอาทร และความเกื้อกูลซึ่งกันและกันมากมาย
เมื่อเราลืมตาดูโลก ก็เห็นรอยยิ้มต้อนรับอันอบอุ่นและละมุนใจของผู้เป็นพ่อแม่ของเรา
ความรักของท่านกลั่นจากหัวใจที่ขยายกว้างไม่มีที่สิ้นสุด
เหมือนดั่งทรงกลมที่ขยายจากศูนย์กลาง กว้างออกไปได้เรื่อยๆ จึงให้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ให้อย่างไร้ข้อแม้ ให้อย่างไร้เงื่อนไข และให้อย่างไร้กาลเวลา
ความรักของพ่อแม่จึงเป็นรักแท้ที่บริสุทธิ์ ใส สะอาด โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ส่งใจส่งความรักถึงท่าน แล้วน้อมเคารพบูชาท่าน ด้วยการมอบสิ่งดีๆ ให้ท่านอย่างสุดหัวใจ
เพราะท่านเป็นดั่ง “พระในบ้าน” ของลูก
.