8 ตุลาคม 2555

Poor ข้นแค้นในวิถี

เหนื่อยไปเรื่อยๆ ค้นหาความฝันที่ไม่รู้ว่าหล่นหายอยู่ ณ ห้วงแห่งไหน
นั่งเหว่ว้าในห้องอย่างหม่นหมองขณะท้องร้องโหยโครกครากเป็นระยะ
กอดเข่ามองชั้นหนังสือด้วยสายตาแสนว่างเปล่า ความคิดมืดตื้อ อารมณ์มัวมุ่น
ด้วยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเก็บเสื้อผ้า มัดหนังสือ หรือแพ็คของอย่างไร
ผมถอดใจ อ่อนใจ และปลงใจเสียแล้ว เริ่มยอมแพ้กับวิถีในเมืองหลวง

บ่ายแก่ๆ วันเสาร์ที่ผ่านมา... 
เพื่อนคนหนึ่งแวะมาหาที่ห้องพร้อมข้าวคลุกกะปิหนึ่งกล่อง 
ลูกชิ้นย่างห้าไม้ ก่อนเพื่อนจะกลับก็ยังแบ่งเงินให้ผมใช้ ๒๐๐ บาท
ทำให้ผมพอมีเงินซื้อข้าวสาร ๑ กิโล ไข่ไก่ ๕ ฟอง 
กับกาแฟซองเล็ก ที่ประทังชีวิตอยู่มาได้วันนี้
ขอบใจนะสำหรับน้ำใจและความห่วงใย ทั้งๆ ที่เพื่อนก็แย่เช่นกัน

รสชาติความจน การไม่มีเงิน มันช่างบาดลึก ทุรนทุราย และปวดปร่าใจยิ่ง
เป็นประสบการณ์แสนย่ำแย่อีกครั้งของชีวิตที่ห่างไกลจากความสำเร็จอันใด
ผมไม่โทษใครหรือผู้ใดเลย เพราะนี่คือชะตากรรมของตัวผมเอง ความผิดพลาดของตนเอง
แม้นบัดนี้จะพยายามดิ้นรนเพื่อการมีลมหายใจสืบไป ทว่าหนทางข้างหน้าก็แลดูตีบตันและมืดมิด
เริ่มหมดพลังลงไปทุกที บางครายังคิดอยากไปเป็น "ขอทาน" ด้วยซ้ำ

ผ่านไปจะร่วมสองเดือนกับการที่ผมส่งเมล์ไปสมัครงาน
พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ หรือ บรรณาธิการอิสระ
โดยส่งไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่พอหาที่อยู่อีเมล์ได้ ประมาณยี่สิบกว่าบริษัท
ซึ่งส่วนใหญ่จะเงียบเชียบ หายลับ ไม่มีการตอบรับ หรือคงไม่สนใจ หรืออาจไม่มีนโยบายจ้างฟรีแลนซ์
แม้นบางที่จะตอบมาบ้าง มีการคุยกันบ้าง หรือเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง หรือบอกว่าจะส่งงานให้บ้าง
ทว่าที่สุด...ก็คือการ "รอคอย" อย่างหมดหวังและสิ้นฝัน เหมือนสายน้ำไหลผ่านไปไม่หวนกลับ...

อย่างว่าแหละ ผมมันคนจน ไม่มีเส้นสาย ไม่มีมารยาสาไถย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
คิด รู้สึก หรือเห็นเป็นเช่นไรก็ว่าไปตามนั้น ความเป็นเมืองมิอาจกลบกลิ่นอายความเป็นบ้านนอกได้
เมื่อไม่มีสำนักพิมพ์ไหนสนใจ หรือเมตตา หรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือให้โอกาสกัน
ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพความจริง อดก็คืออด ตายก็คือตาย... อย่าหมายให้ใครมาสมเพชเห็นใจ
ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ขอเงินฟรีๆ พร้อมจะทำงานแลกเงิน เพราะผมอยากทำงานเกี่ยวกับหนังสือ
อาจเป็นที่แน่แท้ว่า...ทางเลือกสุดท้ายก็คือซมซานกลับบ้านอย่างผู้แพ้ราบคาบ

นี่วันพุธที่ ๑๐ ตุลาคมนี้ ก็มีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งเมล์มาให้ไปทำแบบทดสอบงาน
ช่างน่าเศร้าที่ผมไม่มีเงินค่าเดินทาง ขนาดที่ค่าไฟกับค่าเน็ตก็ยังไม่มีจะจ่ายเช่นกัน
ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่อยากจะนึกถึง วันนี้ก็ทำไข่ตุ๋นสองฟองโดยใส่น้ำให้มากหน่อย
แบบต้องกินทั้งวัน ทั้งที่จิตใจเดี๋ยวนี้ไม่นึกหิวเอาซะเลย แค่กินเพื่ออยู่ไปวันต่อวันเท่านั้น..

ยังดีที่มีคนเมล์มาสั่งซื้อหนังสือ พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ ราคา ๑๘๙ บาท
ซึ่งถ้าโอนเงินมาให้ ผมก็คงมีเงินพอเดินทางไปเขียนใบสมัครงานและทำแบบทดสอบในวันพุธได้
ช่วงนี้ได้แต่หวังเงินเล็กๆ น้อยๆ จากการเอาหนังสือในห้องมาลงขายที่เว็บ Life Book
หรือท่านใดสนใจจะแวะมาอุดหนุนหนังสือบ้างก็ขอบพระคุณอย่างยิ่ง...
เผื่อว่าจะพอได้เงินจ่ายค่าไฟกับค่าเน็ตได้บ้าง ด้วยสังคมไทยคงไม่แห้งแล้งน้ำใจ

ผมกอดเข่ามองหนังสือตามชั้นด้วยสายตาเลื่อนลอยและหม่นหมอง
พลางคิดเงียบๆ ถึงวันต่อไป...และต่อไป...