28 กันยายน 2555

Real ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

เล่าไปเรื่อยเปื่อย...เพ้อพร่ำไปอย่างปวกเปียกและแปลกเปล่า
นั่งพิมพ์ไปอย่างเศร้าๆ ด้วยดวงใจแสนห่อเหี่ยวหดหู่
สมองมีเรื่องมายมายให้ขบคิด คำนึง และเครียดขึงยิ่ง

นี่ถ้ายังทำงานประจำอยู่ วันนี้เงินเดือนก็ออกแล้ว หัวใจพองโตทุกๆ สิ้นเดือน
วันเงินเดือนออกทีไร ให้รู้สึกเริงร่ารื่นรมย์ได้ชั่วขณะหนึ่ง
อย่างน้อยๆ ก็มีเงินจับจ่ายใช้สอย หาของกินอร่อยๆ หรือแวะห้างเพื่อซื้อของใช้เข้าห้องบ้าง
แต่นี่... ณ ปัจจุบันนี้... กลับต้องต้มไวไวกินเป็นมื้อที่สอง ขณะบิลรายจ่ายวางแหมะนิ่ง
ผมไม่มีกะจิตกะใจจะเปิดดูยอดชำระต่างๆ ทั้งค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าเน็ต ค่าไฟ
โอ้! ไหนจะค่าผ่อนคอนโดอีก โอ้ย...เครียดๆ กลุ้มๆ

เดือนนี้รอดมาได้ก็เพราะเอ่ยปากยืมเงินรุ่นพี่คนหนึ่งมา ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจ่ายคืนเขาได้เมื่อไหร่
การเป็นหนี้คนอื่นนี่ก็ทุกข์ได้เช่นกัน ทั้งทุกข์ทั้งเครียดเจียนจะบ้า
หมดสิ้นกำลังใจจะทำอะไร สูญเสียความมั่นใจที่จะดำรงชีวิตเยี่ยงสุจริตชน
อยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด อยากจบชีวิตตัวเองไว้เพียงวัยเท่านี้

วาดหมายเรื่องงาน พิสูจน์อักษรฟรีแลนซ์ หรือ บรรณาธิการอิสระ จากสำนักพิมพ์สักที่
เผื่อว่าสำนักพิมพ์ไหนจะส่งงานให้ผมรับใช้บ้างสักเดือนละเล่มสองเล่ม
ก็ดูเหมือนว่าจะไร้วี่แวว ไร้โอกาส ไร้ที่ใดเมตตา ไร้คนเห็นใจ ซึ่งก็ทำใจไว้แล้ว
โลกความจริงกับโลกความฝันนั้น บางทีก็ต่างกันและอาจเป็นทางคู่ขนานที่ไม่มีวันบรรจบได้
แต่ก็ช่างเหอะ...ร้องแรกแหกกระเชอไปก็เท่านั้น จำไว้...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

คงจำกันได้จากบทความโพสต์ก่อนๆ ที่ผมเขียน Resume ไปหาสำนักพิมพ์ต่างๆ
ซึ่งมีทั้งตอบรับ เงียบสนิท และดูเหมือนว่าอาจได้งาน
ทว่าที่สุดแล้วโลกแห่งความจริงก็คือสิ่งแท้แน่นอน เป็นโลกที่ซับซ้อนและยากเข้าใจ
ด้วยอาจเป็นสังคมแห่งเส้นสาย พรรคพวก หรือระบบกลไกทางธุรกิจล้วนๆ ที่ยึดกำไรเป็นสรณะ
ซึ่งคนจนๆ หรือคนด้อยโอกาสคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ ต้องยอมรับและก้มหน้าให้ต่ำไว้...

หลายเดือนมานี้... ผมอยู่อย่างลำเค็ญ กระเหม็ดกระแหม่ ทว่าก็ยังมีความหวังเล็กๆ อยู่เสมอ
ขนม นม ผลไม้ ไอศกรีม หรือของกินดีๆ สำหรับผมที่ผ่านมานั้นไม่เคยได้ลองลิ้นชิมรสเลย
ช็อกโกแลตรสชาติเป็นยังไงนะ มะม่วง ฝรั่ง องุ่น แอปเปิ้ลจะอร่อยละมุนลิ้นเช่นไรหนอ
ด้วยชีวิตการกินในหลายเดือนนี้วนเวียนอยู่กับแกงถุง ไข่ไก่ ปลากระป๋อง ไวไว มาม่า และน้ำเปล่า
ซึ่งบ่อยครั้ง...ผมก็ถามตัวเองว่าทำไมถึงยังทนอยู่ในเมืองหลวงอีกนะ
ทำไมๆ ถึงยังอยากมีลมหายใจอยู่ ทำไมๆ ไม่หาวิธีฆ่าตัวตายให้จบๆ สิ้นไป...


ก็เพราะ "แม่" ที่ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
อยากมีเรื่องราวดีๆ มีอาชีพดีๆ มีเงินพาแม่ไปเที่ยวโน่นกินนั่น อยากให้แม่ภูมิใจในตัวลูกคนนี้
ที่สำคัญการให้แม่มางานศพลูกคงเป็นเรื่องที่แสนปวดร้าวใจนัก

ผมไม่ได้ต้องการรวย หรือปรารถนามีเงินทองมากมายแต่อย่างใด
แค่อยากมีพื้นที่ยืนในสังคม มีงานทำที่สุจริต และมีเงินพอสร้างความฝันเล็กๆ บ้าง
หรือถ้าโชคดีมีทรัพย์ ผมตั้งเจตนาว่าจะช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส คนที่สังคมทอดทิ้ง
คนที่โลกไม่เหลียวแล กระทั่งสัตว์โลกที่มนุษย์ไม่ต้องการ ทว่านั่นก็เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ

สิ้นเดือนนี้...ผมยังไม่มีเงินจะจ่ายค่าต่างๆ แต่อย่างใด
ครั้นจะให้ไปหยิบยืมเงินจากใครก็ให้เกรงใจยิ่งยวด เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีปัญญาใช้คืนเมื่อไหร่
ได้แต่หวังว่าจะมีงานเข้ามาให้ทำบ้าง เพราะหากมีงานก็หมายถึงต้องได้เงิน

บอกตรงๆ ว่าตอนนี้...ผมคิดถึงแต่เรื่องความตายเท่านั้น
เพราะจะให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย หรือไปปล้นจี้ชิงทรัพย์ใครนั้น ผมทำไม่ลงหรอก ใจไม่ถึง
กลัวติดคุก กลัวบาปกรรม และไม่อยากให้แม่เสียใจที่เห็นลูกกระทำตัวเป็นคนเลว

หากว่า...วันหนึ่งบล็อกนี้ หรือบล็อกไหนๆ หรือร้านหนังสือที่ผมทำไว้นั้น
ไม่มีการอัพเดทเนื้อหา ไม่มีความเคลื่อนไหว หรือนิ่งสนิท หรือหายไป (เพราะผมลบทิ้ง)
นั่นอาจเป็นวันที่ผมไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกหรือในสังคมไทยแล้วก็ได้...
มันก็แค่การตายของคนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น

ลาก่อน...