6 กันยายน 2555

Resume แบบบ้านๆ (ต่อ)

เล่าไปเรื่อยเปื่อย...เลาะเลื้อยไปตามอารมณ์ในขณะนั้นๆ
ค้างเรื่องเรซูเม่ไว้ว่าผมจะเขียนเช่นไรดีนะ คือเขียนตามหลักเกณฑ์ที่มีแบบร่างนั้นหาไม่ยากเลย
แค่ซิกแซกปรับโน่นเปลี่ยนนี่ เขียนไปตามความเป็นจริง หรืออาจใส่สีตีไข่พองามบ้าง
ก็แค่เขียนประวัติการเรียน การงาน และข้อมูลส่วนตัวที่สั้น กระชับ ทว่าได้ใจความ
กระนั้น อาจไม่ได้อารมณ์ ไม่ระทึกเร้าเร่ง หรือเป็นเพียงเรซูเม่พื้นๆ ดาดๆ ที่เห็นได้ทั่วไป

เหตุที่ผมต้องขยับตัวและตัดสินใจเขียนเรซูเมนั้นก็เพราะชีวิตของตัวเองที่ต้องลุกสู้
มันไม่มีอะไรจะเสียหรือเลวร้ายกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งยามนึกถึงหน้าแม่แล้วทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้
แม้นจะอดตาย ไม่มีกิน ไม่มีเงิน ก็ต้องสู้ ไม่อยากบอกแม่ ไม่อยากเอ่ยปากขอเงินแม่ เพราะโตแล้ว
ทั้งที่แม่ก็บอกให้กลับไปอยู่บ้าน คอนโดโดนยึดก็ปล่อยไป
"กลับมาบ้านเราดีกว่า ลูก" แม่โทรมา
"แม่ เดี๋ยวหนูลองสู้ดูอีกสักตั้งนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยกลับ" ผมตอบ (โตแค่ไหน สรรพนามยังหนูตลอด)
"กลับมาอยู่บ้านน่ะ จะได้กินอิ่มกินเต็ม อยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงินจะอยู่ยังไง" น้ำเสียงแม่อ่อนลง
"หนูก็กินอย่างประหยัดนะ แม่ กินง่ายๆ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก" ผมบอกเสียงเบาๆ

ผมนั่งนิ่งมองหน้าจอโน้ตบุ๊กอย่างเศร้าสร้อย โดยเปิดโปรแกรม Microsoft Word ค้างไว้
จากนั้นผมก็พิมพ์ข้อความออกมาตามความรู้สึก อารมณ์ ประโยคแล้วประโยคเล่า
กลั่นออกมาตรงๆ ตามความเป็นจริง เขียนแบบไม่อาย ไม่เหนียม ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ



แล้วนี่ก็คือ Resume ที่ผมกลั่นออกมาแบบรวดเดียว...

เรื่อง ขอสมัครงานตำแหน่ง พิสูจน์อักษร (ฟรีแลนซ์)
เรียน ผู้จัดการ...

ก่อนอื่นต้องขออภัยเป็นอย่างมากหากว่าอีเมล์ฉบับนี้รบกวนท่าน 
ทว่าด้วยความจำเป็นแห่งชีวิตและโหยหากลิ่นน้ำหมึกของผม
จึงหวังใจว่าท่านจะกรุณาอ่านเหตุที่ผมลงมือเขียนอีเมล์นี้เพื่อของานปรู๊ฟภาษาไทยจากบริษัทท่านอย่างตรงๆ

แรกเริ่มผมก็ไม่ได้หมายว่าจะเขียนมาของานพิสูจน์อักษร (ฟรีแลนซ์) แต่อย่างใด 
เพราะผมได้มีการลงประกาศเรื่องรับจ้างปรู๊ฟไว้ตามเว็บต่างๆ บ้าง
เขียนบล็อกบ้าง (http://openlife26.blogspot.com
และแนะนำหนังสือมือสองบ้าง (http://thai-usedbook.blogspot.com
ทว่าประกาศที่ผมลงไว้นั้นไม่มีที่ไหนติดต่อมาเลย 
กล่าวง่ายๆ ว่ารอคอยด้วยหวังว่าจะมีสำนักพิมพ์สักแห่งสนใจจ้างงานปรู๊ฟคนนอกบ้าง
ระหว่างนี้ ผมก็ปัดฝุ่นเอาหนังสือที่เก็บสะสมเองในวาระต่างๆ ออกมาขายเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอด 
คือเปิดร้านค้าออนไลน์แบบฟรี (http://lifebook.lnwshop.com) ขายหนังสือมือสอง
กระนั้น ลูกค้าก็ไม่ค่อยมี อาจเพราะยังเป็นร้านเปิดใหม่ หนังสือที่ลงก็ยังไม่หลากหลายและมาก  
ทั้งความน่าเชื่อถืออาจยังสู้ร้านที่เปิดมานานไม่ได้

ผมจึงอยากขอความเห็นใจจากท่าน หากว่างานพิสูจน์อักษรในกองบรรณาธิการล้นหรือปิดเล่มไม่ทัน 
ก็โปรดส่งมาให้ผมช่วยปรู๊ฟสักเล่มสองเล่มจักขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ซึ่งตลอดชีวิตการทำงานของผมนั้นก็วนเวียนอยู่กับการทำหนังสือมาร่วมสิบห้าปี 
ผ่านทั้งงานกองบรรณาธิการ หัวหน้าแผนกพิสูจน์อักษร บรรณาธิการ 
และสุดท้ายก็สิ้นสุดที่ตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร
โดยการปรู๊ฟงานของผมนั้น จะช่วยขัดเกลาสำนวน ทำความเข้าใจกับเนื้อหาว่ากลมกลืนและสอดคล้องกันหรือไม่ 
ลักษณะตัวละคร การใช้คำสรรพนาม หรือการดำเนินเรื่องมีความเป็นเอกภาพหรือไม่
ทั้งยังช่วยดูภาพรวมการจัดหน้า เพื่อให้หนังสือที่ผลิตออกมาจำหน่ายนั้นเกิดความสมบูรณ์และถูกต้องมากที่สุด

ขอขอบพระคุณยิ่งที่อ่านอีเมล์นี้ ผมก็สื่อสารและเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา 
เพราะตอนนี้ชีวิตผมเดือดร้อนยิ่งยวด อาศัยอยู่ตัวคนเดียว คอนโดก็ใกล้จะโดนยึด
โดยทุกวันนี้ก็อยู่กินอย่างประหยัด บางวันก็กินมื้อเดียว  พยายามเข้มแข็งและปลุกปลอบใจให้สู้ต่อไป
สุดท้าย จึงหวังว่าท่านจะพิจารณาและเมตตาเรื่องงาน “พิสูจน์อักษร ฟรีแลนซ์” ให้ผมได้รับใช้บ้าง
โดยท่านสามารถติดต่อผมได้โดยตรง เพื่อผมจะได้อธิบายในรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติม 
ที่เบอร์โทรศัพท์  02-XXXXXX และ 08-XXXX-XXXX หรืออีเมล์ XXXX...@hotmail.com
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งต่อความกรุณาของท่านมา ณ ที่นี้
                                                                                        ด้วยจิตคารวะ

***

Mailing My Resume แบบลูกทุ่ง สไตล์ผู้ตกทุกข์ ไม่แนะนำให้เลียนแบบ
ผมก็สื่อสารไปตรงๆ คิดและรู้สึกเช่นไรก็พิมพ์ไปเช่นนั้น
เพราะลึกๆ ในใจเชื่อว่า...สังคมไทยน่าอยู่ มีคนที่เห็นใจ เปี่ยมเมตตา และพร้อมช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า
กอปรกับผมไม่ได้เขียนเพื่อขอเงินฟรีๆ ผมต้องการงานเพื่อให้ได้เงินในการดำรงชีวิตสืบไป
ผมอยากทำงานที่ตัวเองรัก ซึ่งก็คืองานหนังสือ ผมโหยหากลิ่นน้ำหมึก
ผมคิดถึงตัวอักษรที่ร้อยเรียงเป็นเรื่องราว ผมถวิลหาวันวานที่ได้นั่งจับผิดตัวอักษร
เพราะห้วงเวลาแบบนั้นช่างสงบ ได้คิดไปตามเนื้อหา จินตนาการไปตามตัวละครต่างๆ

เมื่อผมพิมพ์เสร็จสรรพ พลันใช้คีย์คำว่า "สำนักพิมพ์" ค้นหาในกูเกิล
โดยเลือกรายชื่อสำนักพิมพ์ที่ผมอยากร่วมทำงานด้วย กล่าวง่ายๆ ว่าอยากอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์นั้นๆ
ผมเลือกมาได้ ๙ ที่ (ส่วนตัวชอบเลขเก้า) แล้วผมก็ส่งเมล์เรซูเม่ไปยังเก้าสำนักพิมพ์นั้น...

ผ่านไปสองวัน... มีเมล์ตอบกลับมาจากสำนักพิมพ์ ๒ แห่ง
เชื่อไหมว่าแค่เห็นเมล์ตอบกลับมา ผมก็ให้รู้สึกดีใจเหลือคณาโดยที่ยังไม่ได้เปิดอ่านเลย
มือสั่นงึกๆ สองจิตสองใจจะเปิดเมล์อ่านดีไหม จะเจอข้อความเช่นไรหนอ โอ๊ย...ช่างตื่นเต้นดีแท้

แล้วผมจะมาเล่าไปเรื่อยเปื่อยต่อ...

 .