10 กันยายน 2555

Wait การรอคอยที่แสนทรมาน

เล่าไปเรื่อยๆ... เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง อะไรบ้าง
โดยเฉพาะกับการรอคอยความหวังสักอย่างหนึ่งให้บังเกิดขึ้นจริง
อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและกระวนกระวายบ้าง ทั้งดูเหมือนว่าเวลาช่างเดินช้าอืดอาดยิ่ง

หลายคนคงเคยดุ่มๆ เข้าไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ
เมื่อกรอกใบสมัครเสร็จและยื่นให้เจ้าหน้าที่หรือแผนกบุคคลแล้ว
หรือถ้ายื่นใบสมัครแล้วสัมภาษณ์เลย ย่อมได้ยินประโยคอมตะที่ว่า
"เดี๋ยวทางเราจะติดต่อกลับไปค่ะ/ครับ" ช่างเป็นประโยคยอดฮิตสุดคลาสสิกจริงๆ
อาจเป็นคำตอบแบบสุภาพ ปฏิเสธการจ้างอย่างสุภาพ โดยมีนัยว่า "ไม่รับคุณเข้าทำงาน" นั่นเอง
ก็เข้าใจอยู่บ้างว่าอาจมีการประชุมพิจารณากันว่าเห็นสมควรรับคนคนนั้นเข้าทำงานหรือไม่
หรือฝ่ายบุคคลต้องเสนอเรื่องให้หัวหน้าแผนกนั้นๆ หรือผู้จัดการร่วมกันตัดสินใจ จึงต้องใช้เวลากันบ้าง
หรือไม่ก็ตำแหน่งนั้นๆ รับได้เพียง ๑ คน ทว่ามีผู้ผ่านสัมภาษณ์มา ๕ คน ก็ต้องเลือกเฟ้นกันหน่อย


จากโพสต์บทความคราวก่อนที่ผมส่งเมล์สมัครงาน (หรือของานทำดื้อๆ ?) ไปยังเก้าสำนักพิมพ์
เพื่อสมัครตำแหน่งพิสูจน์อักษรแบบฟรีแลนซ์ (ช่วงนี้ยังไม่อหังการพอจะหางานบรรณาธิการ)
ล่าสุดรวมมีการตอบกลับมาเพียง ๓ แห่ง อีก ๖ แห่งคงใช้ความเงียบสยบความเคลื่อนไหว
หรือไม่สนใจ ไม่ได้เปิดอ่าน หรือเมล์ผมอาจหล่นอาจมในถังขยะแล้วก็ได้
หรืออาจด้วยเหตุผลร้อยแปดประการด่านอรหันต์ที่ต้องทำใจไว้ล่วงหน้า

มือผมสั่นระริก หัวใจเต้นระรัว จะเปิดเมล์อ่านดีไหมนะ เขาจะตอบกลับมาว่ายังไงบ้างหนอ--
เอาละ...ตัดสินใจแน่วแน่เพราะก็อยากรู้เช่นกัน ไหนๆ ก็ทำใจยอมรับชะตากรรมแสนตกต่ำไว้แล้ว
ตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียหรือเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ไหนๆ ก็เตรียมใจว่าคงไม่ได้งานแหงๆ

เมล์ฉบับแรกมาจากสำนักพิมพ์ใหญ่ซะด้วย หนังสือของที่นี่ขายดีหลายเล่ม
แถมอันดับการค้นหน้าด้วยคีย์ "สำนักพิมพ์" ของสำนักพิมพ์แห่งนี้ก็ติดอันดับหนึ่งหน้าแรก
ข้อความตอบกลับ...
"ขอขอบคุณคุณ...ที่สนใจเข้าร่วมงานกับสำนักพิมพ์...นะคะ
ทั้งนี้ ทางสำนักพิมพ์ยังไม่มีนโยบายรับ Freelance นะคะ
แต่ก็ได้ส่งข้อความทั้งหมดของคุณ...ให้ทางบรรณาธิการพิจารณาแล้วเช่นกัน
หากมีความคืบหน้า ทางทีมงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ"


อืม...แนวโน้มชวดชัวร์ ไม่เป็นไร ผมบอกแล้วว่าเข้าใจและทำใจไว้เนิ่นๆ ละ
ทว่าหากมองโลกในแง่ดีก็อาจพอยังมีความหวังอยู่บ้าง แสงเทียนริบหรี่ในถ้ำมืดๆ
เผื่อทางบรรณาธิการสำนักพิมพ์แห่งนี้อาจสงสารผม!!! หรืออยากใช้บริการคนนอกบ้าง
งั้นเปิดดูเมล์ฉบับที่สองต่อเลยดีกว่า เผื่ออาจโชคดีมีวาสนาก็ได้
ข้อความตอบกลับ...
"สวัสดีค่ะ ได้รับใบสมัครพนักงานฟรีแลนซ์เรียบร้อยแล้วค่ะ 
ทางบริษัทจะติดต่อกลับไปอีกครั้งนะคะ"

เอาแล้วไง...หัวใจหล่นวูบไปหลายขุม ต้องเอนกายนอนมองดูเพดานห้องสักครู่ไล่หาหยากไย่
สมองพลันคิดไปต่างๆ นานา พานครุ่นไปว่าทำไมบางคนถึงคิดสั้นฆ่าตัวตายนะ
แล้วทำไมบางคนถึงกล้าทำเรื่องผิดกฎหมาย กล้าค้าขายยาเสพติด กล้าฉ้อราษฎร์บังหลวง
กล้าลักขโมยปล้นจี้ เหิมฮึกคิดทำร้ายชีวิตผู้อื่นเพื่อหวังชิงทรัพย์ หรือยินยอมขายตัวเพื่อแลกเงิน
สังคมบีบคั้นและไม่ให้โอกาสพวกเขาเหล่านั้นหรือไร หรือพวกเขาตัดสินใจเลือกทางเดินนั้นเอง
หรือว่าพวกเขาพวกเธอไม่สู้ ไม่มุ่งมั่น ไม่ศรัทธา ไม่เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ

ผมสารภาพตามตรงว่าก็เคยคิดเรื่องฆ่าตัวตายเช่นกัน แม้นมันจะบาปก็เถอะ
ทว่าไม่เคยคิดหลอกลวงหรือทำร้ายคนอื่นเพื่อหวังทรัพย์สินและเงินทองแต่อย่างใด
ไฉนต้องเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด หรือร่ำรวยขึ้น

กลับมาเรื่องงานต่อดีกว่า ยังเหลือเมล์อีกฉบับหนึ่ง...ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เต้นไม่เป็นจังหวะ
ผ่านไปสองฉบับกับความห่อเหี่ยวและแทบหมดหวัง ซึ่งฉบับที่สามก็คงไม่ต่างกัน
เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะคลิกเปิดอ่านเมล์ฉบับสุดท้าย...
ข้อความตอบกลับ...
.............................................................................

ข้อความจากเมล์ฉบับนี้เป็นของ สำนักพิมพ์กรีน ปัญญาญาณ
แล้วคราวหน้าผมจะมาเล่าไปเรื่อยเปื่อยต่อ...

.