30 กรกฎาคม 2555

Dead สัจธรรมแห่งชีวิต

บางคราที่อ่อนแรง ท้อแท้ ไร้หนทาง เหนื่อยล้า กลัดกลุ้ม เหงาหงอย และคิดมาก
ผมเคยคิดอยากจบชีวิตตัวเองเช่นกัน ปรารถนาหยุดลมหายใจสุดท้ายอย่างสงบ
ไม่ต้องการอยู่บนโลกใบนี้ หรือมีชีวิตเพื่อพานพบเหตุการณ์ข้างหน้าที่มิอาจรู้...

ทั้งที่เคยดูข่าวทางทีวี หรือได้อ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการที่คนคิดสั้นแล้วฆ่าตัวตาย
เขาหรือเธอไยถึงกล้ากระทำอัตวินิบาตกรรมต่อตัวเองเช่นนั้น ภาวะจิตใจขณะนั้นประสบสิ่งใดมา
ผิดหวังในความรักหรือไร-- เอนทรานซ์ไม่ติดหรือไร-- มีหนี้สินมากมายหรือไร--
ล้มเหลวในอาชีพการหรือไร-- หรือมีโรคร้ายรุมเร้า-- หรือเพราะโลกนั้นไม่น่าอยู่--?


หากแม้นว่าชีวิตหนึ่งจบสิ้นไปก็คงเป็นเหตุการณ์น่าตกใจชั่วครู่ก่อนที่จะเลือนหายและหลงลืม
คนตายก็หมดกรรมหรือว่าต้องไปชดใช้กรรมใช้เวรที่ไหนหรือไม่นะ
หรือยังต้องกลับมาเกิดใหม่ในชาติหน้าอีก ขณะคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องขวนขวายและสู้กันต่อไป
ล้มแล้วลุก ล้มแล้วนอน หรือบางทีล้มแล้วก็ไม่อยากลุก ไม่อยากสู้ ไม่ต้องการเดินอีก
ในเมื่อมองไปข้างหน้ายังไม่เห็นหนทางสดใส ไม่เห็นแสงสว่างที่จะนำออกไปจากความมืดทมิฬ
ทั้งไม่รู้ว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา หรือดุ่มๆ เดินลุยดะไปข้างหน้าให้รู้แล้วรู้รอด

บ้างก็กล่าว่า "ชีวิตย่อมมีทางออกเสมอ" ถ้าไม่ย่อท้อหรือยอมแพ้

คนทุกคนเป็นสิ่งที่ต้องตาย ไม่มีใครสักคนเดียวจะอยู่ค้ำฟ้าได้
สิ่งทั้งหลายที่เราเอามาไว้ในครอบครอง และร้องบอกว่า "ของกู ของกู" อยู่นั้น
เราจะเอาไปสักชิ้นเดียวไม่ได้เลย

"ยศและลาภหายไปไม่ได้แน่
เหลือไว้แต่ต้นทุนบุญกุศล
ทิ้งสมบัติทั้งหลายให้ปวงชน
ร่างของตนเขายังเอาไปเผาไฟ"

ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่เรากอบโกยกันอยู่นั้น เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง
เพราะถ้ามันเป็นของของเราจริง มันก็ต้องติดตามตัวเราไปด้วยตลอดเวลา
สิ่งทั้งหลายในโลกนี้อุบัติขึ้นเพื่อให้มนุษย์ได้ชื่นชม มิใช่เพื่อให้ใครเป็นเจ้าของ
แม้นจะมีสิทธิครอบครองอยู่บ้าง ก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว มิได้ครอบครองได้ตลอดไป
และเป็นการครอบครองเพียงเพื่อจะได้ชื่นชมเท่านั้น...

เกิดนั้นยาก ตายอาจง่ายกว่า ทว่าเกิดมาแล้วจะยอมตายง่ายๆ เท่านั้นหรือ
โลกใบนี้ยังมีสถานที่อีกมากมายที่ยังไม่ได้ไปเที่ยวตุเลงๆ เลย
หรือยังมีอะไรๆ อีกหลายสิ่งอย่างอย่างที่ยังไม่ได้ทำ และก็วาดหวังว่าสักวันจะได้ทำ

***

และเมื่อได้อ่านที่ สมเด็จพระสังฆราช ท่านนิพนธ์ไว้ยิ่งทำให้ได้คิดมากขึ้น

การฆ่าตัวตายทุกวันนี้ที่มีมากกว่าปกติ
ไม่เพียงเกิดจากความทุกข์ร้อนมากมายหนักหนาที่ท่วมทับชีวิตจิตใจเท่านั้น
แต่ที่จริงเกิดเพราะความไม่มีเมตตาด้วย
ไม่สงสารจิตใจผู้ที่จะต้องได้รับจากการฆ่าตัวตายของเราด้วย

แม้คิดสักนิดย่อม จะเห็นความใจดำ ไม่มีเมตตาของบรรดาผู้ฆ่าตัวตายทั้งหลาย ไม่นึกสักนิดเลย
ว่าถ้าตนเป็นลูกเมื่อลูกต้องตายไปอย่างน่าสยดสยอง จิตใจแม่พ่อจะเป็นอย่างไร
สงบเป็นสุขอยู่ที่เช่นนั้นหรือ น่าจะเคยอ่านพบข่าว หรือไม่ก็น่าจะเคยเห็นภาพในหนังสือพิมพ์
พ่อแม่ที่ฟูมฟายใจแทบขาดตามไปเมื่อเห็นศพของลูกหลาน

โดยเฉพาะที่ฆ่าตัวตาย และก็จะอีกนานนักหนากว่าความโศกเศร้าแสนสาหัสจะจบสิ้นไปตามกาลเวลาคนฆ่าตัวตายนั้นบาปหลายต่อทีเดียว บาปที่ทำกับตนเองก็แน่นอน ทำกับตนได้นักหนา
ถึงทำลายชีวิตให้จบสิ้นอย่างเจ็บปวด จะไม่บาปได้อย่างไร เพียงเบียดเบียนทำร้าย
ไม่ถึงประหัตประหารผลาญชีวิต ก็ยังต้องเป็นบาปและแม้เป็นการฆ่าคนถึงตาย
ยิ่งคนนั้นเป็นตัวเองด้วย ก็พึงรู้เถิดว่ากรรมนั้นหนักนัก

จะหนีผลของกรรมไม่พ้นแน่นอน และอย่าประมาทว่าผลของกรรมไม่น่ากลัว รับได้สบาย
ก็ถ้ารับผลของกรรมไม่ดีได้สบายจริง ไฉนจึงทนรับความทุกข์ในชาตินี้ไม่ได้
ต้องพาตัวหนีไปให้พ้นด้วยการฆ่าตัวตายเล่า ทุกข์ในชาตินี้ที่พากันได้รับ
คือผลของกรรมที่ทำไว้เองแน่นอน คิดให้ดีๆ เถิด จะได้ไม่ฆ่าตัวตาย
จะได้ไม่ต้องไปรับความทุกข์แสนสาหัสอีกในภาพชาติหน้า ที่มีแน่อย่าสงสัย

การฆ่าตัวตายเป็นการแสดงความมีใจไร้เมตตาอย่างยิ่ง ไม่สงสารตัวเองก็แย่อยู่แล้ว
แต่ยังดี ยังไม่เป็นไร เพราะคิดเสียว่าไม่อยากให้ตัวเองรับความทุกข์แสนสาหัสในชีวิต่อไป
ลองหนีไปชีวิตอื่น อาจจะสบายกว่า
คิดเช่นนี้ ก็พอเข้าใจว่า เพราะเมตตาตัวเองผิดคือคิดว่าเมตตา คิดว่าจะช่วยให้พ้นทุกข์
แต่ที่แท้กำลังพาไปสู่ความทุกข์ที่มากมาย และยาวนานกว่า เป็นหลายภพหลายชาติแน่นอน

.