กอปรกับบล็อก Open Life นั้น ต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกในการเขียนพอควร
กว่าจะบลิ้วและพลิ้วได้ดั่งใจคิด...กว่าจะตกตะกอนความความรู้สึกที่จะถ่ายทอด...
หลายๆ สิ่งหาได้เป็นเช่นใจนึกฝัน ชีวิตจำจรต้องอยู่กับความเป็นจริง
บางขณะก็มีเรื่องราวมากระทบใจให้ฉุกคิด ทบทวน และยอมรับ
ผู้เขียนบล็อกก็เป็นเฉกดั่งสามัญชนทั่วๆ ไป เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนท่านทั้งหลาย
มีทั้งสุข ทุกข์ เหงา เศร้า ยิ้ม หัวเราะ และร่ำไห้...

อารมณ์โรแมนติก อ่อนโยน หรือพลังไฟในความรักไปอยู่ ณ ที่แห่งใด
อายุมากขึ้นทำให้หัวใจหยาบกร้าน ความรู้สึกด้านชาในความรักแล้วหรือไร--
ทั้งๆ ที่ครั้นวัยหนุ่มสาวนั้น ความรักทำให้แทบคลั่งและเคยคิดสั้น---
สมัยหนุ่มๆ ความรักช่างคุโชน เปี่ยมปรารถนา ทั้งมองโลกในแง่งดงาม
ด้วยคิดว่าความรักนั้นมีคุณค่าเหลือคณา บริสุทธิ์นิรันดร์ และเติมเต็มชีวิตให้ยืนหยัดคงอยู่
ยามนั้น เมื่อมีแฟน เจอหญิงสาวที่ขโมยหัวใจไปได้ โลกช่างสดชื่นอาบอวลด้วยสีสัน
รักครั้งแรก...เป็นอะไรที่ยากแก่การอรรถาธิบาย หรือบอกเล่าจำนรรจาด้วยถ้อยคำใดๆ
เสมือนสวนดอกไม้ได้เบิกบานสล้างอยู่ในใจป่านนั้น ทำให้ชีวิตมีพลังและมีมุมมมองที่สวยงาม
แต่เมื่อความรักครั้งแรกประสบกับความล้มเหลว มิอาจไปกันได้ ที่สุดต้องเลิกร้างและห่างไกลกัน
ชีวิตพลันอ่อนแรง หัวใจพลันหมองเศร้า น้ำตาพลันไหลริน หมดอาลัยตายอยากดื้อๆ
ยามนั้น มองความรักแบบหนุ่มสาวมากกว่าที่จะให้ค่าความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก...
สมัยหนุ่มๆ ผู้เขียนบล็อกชอบบางส่วนจากหนังสือ The Prophet
สำนวนฉบับภาษาไทยก็คือ "ปรัชญาชีวิต" ของ คาลิล ยิบราน ที่ถอดความโดย ระวี ภาวิไล