4 กรกฎาคม 2555

Love ตะกอนตกค้าง

ทิ้งช่วงการอัพเดทบล็อกนี้ไปพอควร ด้วยปัจจัยชีวิตหลายๆ ด้าน
กอปรกับบล็อก Open Life นั้น ต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกในการเขียนพอควร
กว่าจะบลิ้วและพลิ้วได้ดั่งใจคิด...กว่าจะตกตะกอนความความรู้สึกที่จะถ่ายทอด...

หลายๆ สิ่งหาได้เป็นเช่นใจนึกฝัน ชีวิตจำจรต้องอยู่กับความเป็นจริง
บางขณะก็มีเรื่องราวมากระทบใจให้ฉุกคิด ทบทวน และยอมรับ
ผู้เขียนบล็อกก็เป็นเฉกดั่งสามัญชนทั่วๆ ไป เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนท่านทั้งหลาย
มีทั้งสุข ทุกข์ เหงา เศร้า ยิ้ม หัวเราะ และร่ำไห้...


ตั้งใจจะเขียนถึง "ความรัก" บ้าง แต่ทำไมนะ...พลังมันถดถอยสลายหาย
อารมณ์โรแมนติก อ่อนโยน หรือพลังไฟในความรักไปอยู่ ณ ที่แห่งใด
อายุมากขึ้นทำให้หัวใจหยาบกร้าน ความรู้สึกด้านชาในความรักแล้วหรือไร--
ทั้งๆ ที่ครั้นวัยหนุ่มสาวนั้น ความรักทำให้แทบคลั่งและเคยคิดสั้น---

สมัยหนุ่มๆ ความรักช่างคุโชน เปี่ยมปรารถนา ทั้งมองโลกในแง่งดงาม
ด้วยคิดว่าความรักนั้นมีคุณค่าเหลือคณา บริสุทธิ์นิรันดร์ และเติมเต็มชีวิตให้ยืนหยัดคงอยู่
ยามนั้น เมื่อมีแฟน เจอหญิงสาวที่ขโมยหัวใจไปได้ โลกช่างสดชื่นอาบอวลด้วยสีสัน
รักครั้งแรก...เป็นอะไรที่ยากแก่การอรรถาธิบาย หรือบอกเล่าจำนรรจาด้วยถ้อยคำใดๆ
เสมือนสวนดอกไม้ได้เบิกบานสล้างอยู่ในใจป่านนั้น ทำให้ชีวิตมีพลังและมีมุมมมองที่สวยงาม

แต่เมื่อความรักครั้งแรกประสบกับความล้มเหลว มิอาจไปกันได้ ที่สุดต้องเลิกร้างและห่างไกลกัน
ชีวิตพลันอ่อนแรง หัวใจพลันหมองเศร้า น้ำตาพลันไหลริน หมดอาลัยตายอยากดื้อๆ
ยามนั้น มองความรักแบบหนุ่มสาวมากกว่าที่จะให้ค่าความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก...

สมัยหนุ่มๆ ผู้เขียนบล็อกชอบบางส่วนจากหนังสือ The Prophet
สำนวนฉบับภาษาไทยก็คือ "ปรัชญาชีวิต" ของ คาลิล ยิบราน ที่ถอดความโดย ระวี ภาวิไล

เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป แม้ว่าทางของมันนั้น
จะขรุขระและชันเพียงไร
และเมื่อปีกของมันโอบกายเธอ
จงยอมทน แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นเสียดแทงเธอ
และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ
ดังลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกราญไปฉะนั้น...

 ความรักไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง
และไม่รับเอาสิ่งใด นอกจากตนเอง
ความรักไม่ครอบครอง และไม่ยอมถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก...

จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
แต่ขอให้แต่ละคน มีโอกาสในการอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว
แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน
จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้น
ที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันมากนัก
เพราะว่าเสาของวิหาร ก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทร ก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้...

.