13 กรกฎาคม 2555

Night ผ่านไปอีกคืน

ความมืดโรยคลุมแผ่นฟ้าหมองหม่น สายฝนโปรยปรายดั่งน้ำตารินไหล
ขณะที่บางชีวิตยังติดแหง็กบนท้องถนน บางคนอาจนั่งแช่อยู่ในร้านเหล้าอย่างเดียวดาย
บางครอบครัวพลันพร้อมหน้าร่วมรับประทานอาหารค่ำอย่างหรรษา
เล่าเรื่องกิจวัตรประจำวันอย่างออกอรรถรส 

ทว่าก็ยังมีอีกหลายชีวิตที่แบกความทุกข์ไว้เต็มบ่า
กอดรัดความเครียด หายใจแผ่วโผย
และไร้เสียงหัวเราะ

โลกยามค่ำคืน...อาจเงียบสงบ เปลี่ยวเปล่า หรือเคลื่อนไปอย่างช้าๆ
ขณะแสงไฟจากหลอดนีออนแต่ละบ้านเรื่อเรืองประหนึ่งดวงดาราฉายจรัส
ชีวิตหลังจากเลิกงานกลับมาบ้านของแต่ละคนล้วนมีกิจกรรมหลากหลาย
บ้างก็นั่งดูละครจากโทรทัศน์ด้วยอย่างใจจดใจจ่อ บ้างก็สาละวนอยู่ในครัว
เด็กๆ อาจทำการบ้านหรือหยอกล้อเล่นกัน วัยหนุ่มสาวอาจโทรศัพท์หาคนรักด้วยความคิดถึง
คนเฒ่าคนแก่นั่งสวดมนต์ก่อนจะนิทราพักผ่อน หรือนั่งเก้าอี้โยกเพื่อใคร่ครวญถึงอดีต

โลกยามราตรี...อาจครึกครื้น พร่างพรายแสงสี หรือบรรเลงไปอย่างสนุกสนาน
กลิ่นอายโลกีย์ผสานเสียงเพลงอึกทึกปลุกเร้าความกำหนัดฟุ้งกระจาย
หญิงสาวบางคนเต้นโยกย้ายยั่วยวนชวนเคลิบเคลิ้มให้น่าเสพสังวาส
ขณะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่สายตาซุกซนโลมไล้ไปตามเรือนร่างอรชร ขาวนวล
ชีวิตหนึ่งหาเงิน อีกชีวิตหนึ่งหาความสำราญ ที่สุดสองชีวิตอาจตกลงกันไปต่อในวิมานฉิมพลี

โลกยามดึกดื่น...บางชีวิตก็หนาวเหน็บ เปียกปอน และไร้ที่นอน
ป้ายรถโดยสารประจำทางอาจคือเตียงแสนนุ่มของคนจรจัดไร้ราก
กลิ่นเยี่ยวโชยฉุน ยุงบินหวิวว่อน ฟ้าแลบแปลบปลาบ

ไร้บ้าน ไร้เพื่อน ไร้คนรัก
มีเพียงอาณาจักรแห่งความฝัน
โลกดูโหดร้ายหรือไม่อยากเข้าใจมัน
หรือสวรรค์นั้นอยู่ในที่แสนไกล...

คืนดึกหนึ่ง อาชญากรซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อรอเหยื่อที่หลงทาง
ขณะสายฝนหยุดตกไปนานแล้ว...

.